ศัลยกรรมมรณะ
ศัลยกรรมมรณะ
โดย #อักษราลัย
“เธอแน่ใจแล้วเหรอ?” เสียงของแพรวดังขึ้นอย่างเป็นห่วง ขณะที่มองหน้าเพื่อนสนิทผ่านจอวิดีโอคอล
“แน่ใจสิ ฉันรอมาตั้งนานแล้ว” มินท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจ พลางจัดกระเป๋าเดินทางใบเล็กบนเตียง
“แต่คลินิกนี้...ฉันหาข้อมูลในเน็ตแทบไม่เจอเลยนะ แถมราคาก็ถูกผิดปกติด้วย” แพรวพูดต่อ “เธอควรจะรอสักพัก เก็บเงินให้มากกว่านี้แล้วไปที่คลินิกดัง ๆ ดีกว่า”
มินท์ส่ายหน้า “ฉันรอไม่ไหวแล้ว ดูสิ” เธอชี้ไปที่จมูกของตัวเอง “จมูกแบน ๆ แบบนี้ ไม่มีใครมองฉันหรอก โดยเฉพาะพี่ภูมิ...”
แพรวถอนหายใจ เธอรู้ดีว่าเพื่อนสนิทหลงรักรุ่นพี่ในที่ทำงานมาตั้งแต่วันแรกที่เข้าบริษัท แต่อีกฝ่ายแทบไม่เคยมองมินท์เลย
“แต่นี่มันดึกมากแล้วนะ ทำไมต้องไปตอนนี้ด้วย?”
“หมอบอกว่าต้องเป็นช่วงพระจันทร์เต็มดวงถึงจะได้ผลดีที่สุด” มินท์ตอบ “แถมยังลดราคาพิเศษด้วย จากแสนห้าเหลือแค่สี่หมื่น!”
“นั่นน่ะสิ มันผิดปกติเกินไป...” แพรวพึมพำ
“เอาน่า ไว้พรุ่งนี้ฉันจะส่งรูปให้ดู รับรองว่าต้องสวยแน่ ๆ” มินท์ยิ้มกว้าง ก่อนจะวางสาย
คืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงสีเงินสาดส่องถนนเส้นเล็กในซอยลึก มินท์เดินตามแผนที่ในมือถือ จนมาถึงตึกแถวเก่าสามชั้น ป้ายคลินิกศัลยกรรมความงามดูเก่าซีดจาง แต่ยังมีไฟสลัว ๆ ส่องออกมาจากด้านใน
เธอกดกริ่งที่หน้าประตู ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ประตูเหล็กเปิดออกช้า ๆ หญิงชราในชุดพยาบาลสีขาวยืนอยู่
“คุณมินท์ใช่ไหมคะ?” เสียงแหบแห้งถาม “เชิญด้านในค่ะ คุณหมอรออยู่”
มินท์เดินตามพยาบาลเข้าไปในคลินิก กลิ่นยาฆ่าเชื้อผสมกับกลิ่นอับชื้นลอยอวล ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ มีรูปถ่ายขาวดำของคนไข้ติดอยู่ตามผนัง แต่ละคนดูสวยราวกับนางแบบ
พยาบาลพามินท์ขึ้นบันไดไปชั้นสอง เปิดประตูห้องที่มีป้าย “ห้องผ่าตัด” แขวนอยู่ ภายในห้องมีเตียงผ่าตัดตั้งอยู่กลางห้อง พร้อมโคมไฟส่องสว่างจ้า
“รอสักครู่นะคะ คุณหมอกำลังมา” พยาบาลพูดก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้มินท์นั่งรออยู่บนเตียง
ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง ชายสูงวัยในชุดกาวน์เดินเข้ามา ใบหน้าซีดขาวภายใต้หน้ากากอนามัย
“คุณมินท์สินะ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “เราจะทำให้คุณสวยที่สุด สวยเกินกว่าที่ใครจะต้านทานได้”
มินท์พยักหน้า หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
“ก่อนเริ่ม ขอให้คุณดื่มยานี่ก่อน” หมอยื่นแก้วน้ำใสพร้อมยาเม็ดสีแดงให้ “มันจะช่วยให้คุณผ่อนคลาย”
มินท์รับยามากิน ไม่นานความง่วงก็เริ่มครอบงำ เธอนอนลงบนเตียง มองเห็นหมอหยิบเครื่องมือผ่าตัดที่ส่องประกายวับ ๆ ขึ้นมา ก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดลง
...
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่าง มินท์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธออยู่ในห้องพักฟื้นเล็ก ๆ ความเจ็บปวดที่จมูกทำให้เธอสะดุ้ง
“ตื่นแล้วเหรอคะ” เสียงพยาบาลชราดังขึ้น “ผ่าตัดเรียบร้อยดีค่ะ เชิญดูกระจกได้เลย”
มินท์รับกระจกมือถือมา มือสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น เมื่อส่องดู เธอต้องอ้าปากค้าง จมูกใหม่ของเธอโด่งเป็นสันสวย ราวกับนางแบบในนิตยสาร
“สวยมากค่ะ!” มินท์อุทานด้วยความดีใจ
“ใช่ค่ะ แต่มีข้อแม้นิดหน่อย” พยาบาลชราพูดเสียงเครียด “คุณต้องทายาที่เราให้ทุกคืน ห้ามขาด ไม่งั้น...”
“ไม่งั้นอะไรคะ?”
“ก็แค่ทายาตามที่บอก แล้วทุกอย่างจะดี” พยาบาลยิ้ม ก่อนจะยื่นขวดยาสีดำให้ “วันละครั้งก่อนนอนนะคะ”
มินท์รับยามาด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอรีบกลับบ้านทันที อยากอวดจมูกใหม่ให้เพื่อน ๆ เห็น
...
“ว้าว! สวยมาก!” แพรวอุทานเมื่อเห็นหน้าเพื่อนในวันรุ่งขึ้น “แต่...เธอดูซีดลงนะ”
“คงเพราะเพิ่งผ่าตัดมั้ง” มินท์ตอบยิ้ม ๆ
ตลอดทั้งวัน เพื่อนร่วมงานต่างทักถามถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอ แม้แต่พี่ภูมิยังเดินมาทัก
“น้องมินท์เหรอเนี่ย? สวยขึ้นนะ” เขายิ้มให้ ทำเอามินท์หัวใจพองโต
คืนนั้น ก่อนนอน มินท์ทายาตามที่พยาบาลบอก มันมีกลิ่นประหลาด แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
วันต่อมา เพื่อน ๆ เริ่มสังเกตว่าผิวของมินท์ซีดลงเรื่อย ๆ แต่เธอก็ไม่ได้กังวล เพราะใบหน้ายังคงสวย โดยเฉพาะจมูกที่โด่งเป็นสันงดงาม
แต่แล้วในคืนที่สาม มินท์ลืมทายา...
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ที่จมูก เมื่อส่องกระจก เธอต้องกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ จมูกที่เคยโด่งสวยเริ่มยุบตัวลง!
มินท์รีบทายาทันที แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น จมูกของเธอค่อย ๆ ยุบและเน่าลงเรื่อย ๆ กลิ่นเหม็นเริ่มโชยออกมา
เธอรีบโทรไปที่คลินิก แต่สายไม่ว่าง พอลองเดินทางไปดู ก็พบว่าตึกนั้นร้างไปแล้ว มีเพียงป้ายเก่า ๆ แขวนอยู่
“ช่วยด้วย...” มินท์ร้องไห้ ขณะที่จมูกของเธอค่อย ๆ เน่าและหลุดร่วง เผยให้เห็นโพรงกะโหลกด้านใน
แพรวพาเพื่อนไปหาหมอหลายที่ แต่ไม่มีใครรักษาได้ จมูกของมินท์เน่าลงเรื่อย ๆ ลามไปถึงใบหน้าส่วนอื่น
“มันเป็นคำสาปโบราณ” หมอผู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์บอก “พวกเขาใช้เวทมนตร์ดึงความงามจากวิญญาณสาว ๆ มาใส่ในร่างของเหยื่อ แต่ต้องทายาที่ทำจากเลือดของเหยื่อคนก่อน ๆ เพื่อรักษาสภาพไว้”
“แล้วจะแก้ยังไง?” แพรวถามอย่างร้อนรน
“ไม่มีทางแก้” หมอส่ายหน้า “นอกจากหาเหยื่อคนต่อไปมารับช่วงความงามนี้ไป”
มินท์นั่งร้องไห้ ใบหน้าที่เคยสวยงามบัดนี้เน่าเปื่อยจนแทบจำไม่ได้ เธอเริ่มเห็นภาพหลอนของหญิงสาวหลายคนที่เคยตกเป็นเหยื่อก่อนหน้า พวกเธอยืนล้อมรอบเตียงทุกคืน ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“ช่วยฉันที...”
“ช่วยฉันที...” เสียงครวญครางของวิญญาณหญิงสาวดังก้องในหัวของมินท์ทุกคืน พวกเธอมีใบหน้าเน่าเปื่อยเหมือนกับเธอ บ้างก็ไม่มีจมูก บ้างก็มีแต่โครงกระดูก
มินท์ต้องลาออกจากงาน ไม่กล้าออกไปพบใครอีก เธอใช้ชีวิตอยู่ในห้องมืด ๆ สวมหน้ากากปิดใบหน้าตลอดเวลา แม้แต่แพรวก็แทบทนกลิ่นเน่าเหม็นไม่ได้
“ฉันน่าจะฟังเธอตั้งแต่แรก...” มินท์พูดกับเพื่อนสนิทผ่านโทรศัพท์ น้ำเสียงสั่นเครือ
“ใจเย็น ๆ นะ เดี๋ยวเราต้องหาทางแก้ได้” แพรวปลอบ แม้จะไม่รู้จะช่วยยังไง
คืนหนึ่ง ขณะที่มินท์นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง วิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาใกล้ เธอดูแตกต่างจากดวงวิญญาณอื่น ๆ มีรัศมีสว่างกว่า
“ฉันเป็นคนแรก...” วิญญาณนั้นกระซิบ “คนที่ถูกหลอกมาเป็นคนแรก เมื่อห้าสิบปีก่อน”
มินท์ลุกขึ้นนั่ง มองวิญญาณนั้นอย่างตั้งใจ
“มีทางเดียวที่จะหยุดวงจรนี้ได้” วิญญาณพูดต่อ “เธอต้องกลับไปที่คลินิกนั้น ในคืนเดือนเพ็ญ...”
“แต่คลินิกนั้นหายไปแล้ว” มินท์สวน
“มันจะปรากฏอีกครั้งในคืนเดือนเพ็ญ เพื่อล่าเหยื่อคนใหม่” วิญญาณอธิบาย “เธอต้องเข้าไปในห้องใต้ดิน จะเจอโถใบใหญ่ที่เก็บวิญญาณพวกเราไว้ ทำลายมันซะ”
“แล้วฉันจะหายเป็นปกติไหม?” มินท์ถามอย่างมีความหวัง
วิญญาณส่ายหน้า “ไม่มีทางย้อนกลับแล้ว แต่อย่างน้อยก็จะไม่มีใครต้องมาเป็นแบบพวกเราอีก”
มินท์นิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้าตกลง
คืนเดือนเพ็ญมาถึง มินท์พาแพรวมาด้วย ตึกแถวเก่านั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งในซอยเปลี่ยว มีแสงสลัวลอดออกมาเหมือนคืนแรกที่เธอมา
“แน่ใจนะ?” แพรวถามอย่างเป็นห่วง
“แน่ใจ” มินท์ตอบ ก่อนจะสวมหน้ากากให้แน่น “ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บปวดแบบนี้อีก”
ทั้งสองแอบเข้าไปทางประตูหลัง พบบันไดลงไปชั้นใต้ดิน เสียงครางและกลิ่นเน่าโชยมาแต่ไกล
ในห้องใต้ดิน มีโถแก้วขนาดใหญ่วางอยู่บนแท่น ภายในมีควันสีเขียวหมุนวน เสียงกรีดร้องของวิญญาณดังก้องไปทั่ว
“เร็วเข้า!” วิญญาณหญิงสาวคนแรกปรากฏตัว “ทำลายมันก่อนที่...”
“ก่อนที่อะไร?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง มินท์หันไปเห็นหมอในชุดกาวน์ยืนอยู่ พร้อมกับพยาบาลชรา
“แกคิดว่าจะมาทำลายผลงานของข้าได้ง่าย ๆ หรือ?” หมอหัวเราะเสียงเย็น “ข้าอยู่มาตั้งนานเป็นร้อย ๆ ปี หลอกสาว ๆ อย่างเจ้ามานับไม่ถ้วน พวกเธอทุกคนอยากสวย อยากเป็นที่หมายตา แต่ไม่รู้จักพอ ตัดโน่นเสริมนี่ ไม่จบไม่สิ้น คิดแต่จะสวยแต่ภายนอก ไม่เคยคิดจะสวยจากภายใน”
มินท์รู้สึกร่างกายแข็งทื่อ มีพลังบางอย่างตรึงเธอไว้กับที่ แพรวก็เช่นกัน
“คืนนี้ข้าจะได้วิญญาณใหม่เพิ่มอีกสองดวง” หมอพูดพลางเดินเข้ามาใกล้
แต่ทันใดนั้น วิญญาณของเหยื่อทั้งหมดก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเธอบินวนรอบโถแก้ว ร้องเพลงประหลาดเป็นภาษาโบราณ
“ไม่!” หมอตะโกน พยายามวิ่งไปที่โถ แต่สายไป
โถแก้วแตกละเอียด ควันสีเขียวพวยพุ่งออกมา ร่างของหมอและพยาบาลชราค่อย ๆ เหี่ยวแห้งลง กลายเป็นเถ้าธุลี
วิญญาณทั้งหมดลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นอิสระในที่สุด เหลือเพียงวิญญาณหญิงสาวคนแรกที่ยังอยู่
“ขอบใจนะ” เธอยิ้มให้มินท์ “ถึงเราจะช่วยให้เธอกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครต้องมาเป็นแบบนี้อีก”
มินท์พยักหน้า น้ำตาไหล เธอรู้ว่าต้องใช้ชีวิตที่เหลือกับใบหน้าอัปลักษณ์นี้ แต่อย่างน้อยก็ภูมิใจที่ได้ช่วยยุติความชั่วร้ายนี้
“กลับบ้านกันเถอะ” แพรวจับมือเพื่อน
ทั้งสองเดินออกจากตึกร้าง ปล่อยให้ความลับอันน่าสะพรึงกลัวจมหายไปกับความมืด เหลือเพียงเรื่องเล่าให้คนรุ่นหลังได้จดจำว่า
ความสวยงามที่ได้มาด้วยวิธีผิดธรรมชาติ อาจต้องแลกด้วยราคาที่แพงเกินคาด