'ออกัสตาร์ ลองบัตตท่อม' ทำไมคุณย่าจึงเข้มงวดกับเนวิลล์
ช่วงสงครามครั้งที่หนึ่ง ลูกชายของออกัสต้า แฟรงก์ ลองบัตท่อม เป็นทั้งมือปราบมารและสมาชิกของภาคีนกฟินิกซ์ รวมทั้งอลิซ ภรรยาของเขาด้วย ทั้งคู่เป็นที่รักและได้รับความเคารพมากจากคนรอบตัว
ชั่วขณะหนึ่งพวกเขาเกือบวางใจได้ว่ารอดพ้นจากสงครามแล้ว หลังจากโวลเดอมอร์พ่ายแพ้ให้กับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทารกวัยเพียงขวบเดียว แต่ไม่ทันไร พวกเขาก็ถูกกลุ่มผู้เสพความตายโจมตี ใช้คำสาปกรีดแทงทรมาณพวกเขาจนเสียสติไปทั้งคู่
ความเสียหายนั้นไม่อาจฟื้นคืนกลับมา สามีภรรยาลองบัตท่อมต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องผู้ป่วยที่ปิดลั่นกุญแจของเซนต์มังโกตลอดชีวิตที่เหลือ และเนวิลล์ ลูกชายเพียงขวบเดียวพวกเขาก็ถูกส่งต่อไปให้กับแม่ของแฟรงก์ หรือคุณย่าของเนวิลล์ต้องคอยเลี้ยงดูแทน
ออกัสต้าเลี้ยงหลานชายของเธอด้วยความเข้มงวด เธอกลัวว่าเนวิลล์จะเป็นสควิปหรือเปล่า แม้ในตอนหลังเขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองเป็นพ่อมด (จากการถูกปล่อยลงมาจากที่สูง ซึ่งถ้าเป็นเด็กมักเกิ้ลอาจจะเสียชีวิตได้) ออกัสต้าก็ยังไม่หยุดกดดันหลานชายให้แสดงความกล้าหาญออกมาเหมือนอย่างที่พ่อกับแม่ของเขาเคยเป็น
เธอคอยพาเขาไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่เซนต์มังโกในวันคริสมาตร์ทุกปี เธอโกรธเมื่อพบว่าเนวิลล์ไม่เคยบอกเพื่อนๆ ว่าทำไมเขาจึงต้องโตมากับเธอ ออกัสต้าพร่ำบอกเนวิลล์ว่าเขาควรภาคภูมิใจแค่ไหนที่เป็นลูกของทั้งสอง
บางทีเธออาจคาดหวังให้เนวิลล์เป็นมือปราบมารเหมือนกับพ่อแม่ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เธอกดดันเขาให้ตั้งใจเรียนวิชาแปลงร่าง คาถา ปรุงยาและการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด – วิชาเหล่านี้ล้วนเป็นคุณสมบัติหลักในการเป็นมือปราบมาร - และเราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเนวิลล์ทำได้ดีแค่ในวิชาคาถา ขณะที่สมุนไพรศาสตร์ วิชาที่เขาชอบที่สุด ออกัสต้ากลับมองว่ามันไม่สำคัญ
หลายคนอาจคิดว่าออกัสต้าทำไม่ถูกที่เอาความคาดหวังของตัวเองไปวางไว้บนบ่าของเนวิลล์ แต่มองอีกมุมหนึ่งนั่นอาจเป็นความรักอย่างลึกซึ้งที่ย่าคนหนึ่งมีให้กับหลานชาย - เนวิลล์ เป็นหลานคนเดียวของเธอ เขาเป็นทายาทคนสุดท้ายของเธอที่เหลืออยู่ บางทีลึกๆ แล้วออกัสต้าคงกลัวว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยอีกครั้ง
ออกัสต้าคงคิดเหมือนดัมเบิลดอร์และอีกหลายๆ คนว่าโวลเดอมอร์ยังไม่ตาย และสักวันเขาจะต้องกลับมา – เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เชื่อคำเตือนของแฮร์รี่กับดัมเบิลดอร์ตั้งแต่แรก ว่าโวลเดอมอร์กลับมาแล้ว ขณะที่สาธารณชนส่วนใหญ่เลือกเชื่อไปตามข่าวที่กระทรวงบอกว่า ‘สถานการณ์ปกติ’ - และหากหลานชายคนเดียวของเธอคนนี้ยังไม่เข้มแข็งและกล้าหาญพอให้ได้สักเสี้ยวหนึ่งของลูกชายเธอ นั่นอาจจะทำให้เธอต้องพบกับการสูญเสียคนในครอบครัวอีกครั้งก็เป็นได้
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าความเข้มงวดและความคาดหวังของเธอที่มีต่อเนวิลล์นั้น มันมากเกินไปจนเขาอาจกลายเป็นเด็กขี้กลัวและขี้ขลาดมากไปกว่าเดิม
จนกระทั่ง เหตุการณ์ต่อสู้ที่กองปริศนาได้กลายข่าวแพร่สะพัดไปทั่ว และออกัสต้าได้รู้ว่าหลานชายที่เธอพร่ำบอกให้แสดงความกล้าหาญอยู่ตลอดเวลา ได้ยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มผู้เสพความตาย และหนึ่งในนั้นคือคนที่เคยทรมาณพ่อกับแม่ของเขาจนเสียสติ เธอจึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนจากความเข้มงวดและคาดหวัง มาเป็นความภาคภูมิใจแทน
นั่นอาจเป็นครั้งแรกที่เนวิลล์เริ่มรับรู้ได้ว่าคุณย่ากำลังยอมรับเขาแล้ว
โดยเฉพาะในตอนที่ผู้เสพความตายยึดฮอกวอตส์ เนวิลล์เป็นหัวหอกในการก่อกบฏจนต้องถูกสองพี่น้องแคร์โรว์ลงโทษและทรมาณอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ รวบรวมกลุ่มคนที่กล้าหาญต่อสู้อยู่ตลอดเวลา จนพวกมันคิดจะหันไปเล่นงานออกัสต้าแทน
"ยายแม่มดแก่อาศัยอยู่คนเดียว ไม่ต้องใช้คนมากมายหรอก" – ผลสุดท้ายคือมือปราบมารคนนั้นต้องเข้าเซนต์มังโกแทนที่จะได้จับตัวคุณย่าของเนวิลล์
ออกัสต้าแม้จะต้องหลบหนี แต่เธอก็ส่งจดหมายบอกเนวิลล์ว่า “ภูมิใจในตัวเขามากเพียงใด” นั่นเป็นเหมือนการปลดล็อกใหญ่ ให้เนวิลล์ปลดปล่อยความกล้าหาญออกมา - เขาเก็บจดหมายนั้นติดตัวไว้ตลอด – และในการรบที่ฮอกวอตส์ช่วงสุดท้าย เนวิลล์ได้ประจันหน้ากับลอร์ด โวลเดอมอร์
ออกัสต้าซึ่งอยู่ในกลุ่มคนที่กำลังร่วมต่อสู้ จึงได้ประจักษ์ชัดถึงความกล้าหาญที่หลานชายเธอได้แสดงออกมา - เราคงจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าเธอจะรู้สึกปลาบปลื้มและภูมิใจมากเพียงใดในช่วงขณะนั้น
เมื่อสงครามจบลง ออกัสต้าก็ปล่อยเนวิลล์ได้ใช้ชีวิตตามที่เขาต้องการ เพราะเธอหมดห่วงและปล่อยวางความคาดหวังจากตัวเขาได้แล้วในที่สุด
อ้างอิงจาก: พอตเตอร์ไดอารี่