ตำนาน และประวัติความเป็นมา ของอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น
เดิมที บริเวณหนองกองแก้ว เขตอำเภอชนบทปัจจุบันนั้น เป็นเขตเมืองสุวรรณภูมิ (ปัจจุบัน อำเภอสุวรรณภูมิ) มาตั้งแต่ปี 2256 - 2335 เมื่อครั้น พ.ศ. 2326 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 มีท้าวคำพาว ตำแหน่ง เมืองแสน สมุหกลาโหม (ผู้กำกับดูแลด้านทหาร) แห่งเมืองสุวรรณภูมิ อีกทั้งยังเป็นบุตรชาย ของพระยารัตนวงษา (ท้าวอุ่น) เจ้าเมืองศรีสะเกษ ท่านแรก เชื้อสายเจ้าแก้วมงคล ได้อพยพครอบครัวและสมัครพรรคพวก มาตั้งหมู่บ้านหนองกองแก้ว ซึ่งมีหนองน้ำใหญ่ อยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านชื่อ "หนองกองแก้ว" โดยเดิมบริเวณแถบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตเมืองสุวรรณภูมิ แลภายหลัง ขอแยกมาตั้งบ้านเมืองแล้ว จึงสมัครเข้ารับราชการ กับเจ้าพระยานครราชสีมา โดยได้ทำความดีความชอบ เป็นที่พอพระราชหฤทัย
ในพงศาวดารภาค 4 บันทึกไว้ว่า "ลุจุลศักราช 1154 ปีชวดจัตวาศก หรือ ปี พ.ศ. 2335 ฝ่ายทางเมืองสุวรรณภูมิ มีคนลอบฟันท้าวสูน ผู้เป็นอุปราชเจ้าเมืองถึงแก่กรรม ท้าวเพี้ยกรมการ จับตัวทิดโคตรพิจารณาได้ความเป็นสัตย์ว่า เป็นผู้ฟัน ทิดโคตรถูกเฆี่ยนตายอยู่กับคา แล้วเจ้าเมืองกรมการ จึงมีบอกลงมายังกรุงเทพฯ โปรดเกล้าฯ ตั้งให้ท้าวอ่อนท้าว บุตรพระขัติยวงษา (ทน) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนเก่า ซึ่งได้มาถวายตัวเป็นมหาดเล็กอยู่ในกรุงเทพฯ นั้น เป็นอุปราชเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ พระราชทานหมวกตุ้ม ปี่ กระบี่บั้งทอง เป็นเกียรติยศ"
ในปีนั้นเมืองแสน ชื่อ "ท้าวคำพาว" หรือ เรียก "ท้าวคำพาวเมืองแสน" ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของเจ้าแก้วมงคล ("ขื่อเมือง" ซึ่งเป็นตำแหน่งกรมการเมือง หรือกรรมการเมืองชั้นผู้ใหญ่ คือมหาเสนาบดีของเมือง แยกการปกครอง ออกจากผู้ช่วยอาญาสี่ ประเภทท้าวทั้งสี่ต่างหาก ขื่อเมืองมี 2 ตำแหน่งคือ เมืองแสน ทำหน้าที่กำกับดูแลฝ่ายทหาร และเมืองจันทน์ ทำหน้าที่กำกับดูแลฝ่ายพลเรือน) สุวรรณภูมิไม่ถูกกันกับพระรัตนวงษา (อ่อน) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ จึงได้อพยพพร้อมผู้คนจำนวนหนึ่ง หนีออกมาตั้งบ้านหนองกองแก้ว (บริเวณอำเภอชนบทปัจจุบัน) สมัครทำราชการ ขึ้นอยู่กับเจ้าพระยานครราชสีมา จึงบอกกราบบังคมทูลขอตั้งให้ "ท้าวคำพาว" ตำแหน่ง เมืองแสน ของเมืองสุวรรณภูมิ มาแต่เดิมนั้น เป็นเจ้าเมือง และขอยกบ้านหนองกองแก้วขึ้นเป็นเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ "ท้าวคำพาว" เมืองแสน เป็น ที่ "พระจันตะประเทศ" เจ้าเมืองชนบท (ต้นตะกูล ประจันตะเสน(พระราชทาน), พึ่งมี ,วรแสน) และยกบ้านหนองกองแก้ว ขึ้นเป็นเมืองชนบท ขึ้นเมืองนครราชสีมา แบ่งเอาที่ดินเมืองสุวรรณภูมิไป ตั้งแต่ตำบลบ้านกู่ทอง ไปจนถึงหนองกองแก้ว เป็นเขตของเมืองชนบทแต่ครั้งนั้น
เมื่อครั้น พ.ศ. 2326 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 มีท้าวคำพาวเมืองแสน สมุหกลาโหม แห่งเมืองสุวรรณภูมิ ได้อพยพครอบครัว และสมัครพรรคพวก มาตั้งหมู่บ้านหนองกองแก้ว ซึ่งมีหนองน้ำใหญ่ อยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านชื่อ "หนองกองแก้ว" โดยเดิม บริเวณแถบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตเมืองสุวรรณภูมิ แลภายหลัง ขอแยกมาตั้งบ้านเมืองแล้ว จึงสมัครเข้ารับราชการ กับเจ้าพระยานครราชสีมา โดยได้ทำความดีความชอบ เป็นที่พอพระราชหฤทัย
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2335 พระยานครราชสีมา จึงมีใบบอกลงไปยังกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ ท้าวคำพาวเมืองแสน เป็นเจ้าเมืองตำแหน่งพระจันตะประเทศ และยกฐานะบ้านหนองกองแก้ว ขึ้นเป็นเมืองพระราชทานนามว่า เมือง "ชลบถวิบูลย์" แบ่งอาณาเขตออกจากเมืองสุวรรณภูมิ และยกเมืองชลบถ ขึ้นกับเมืองนครราชสีมา และเมืองชลบถ นับว่าเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญยิ่ง จนมีเมืองขึ้นถึง 4 เมือง คือ
- เมืองเกษตรสมบูรณ์
- เมืองชัยภูมิ (ต่อมาเป็นศูนย์กลางของชัยภูมิ จึงได้รับการยกฐานะ เป็นจังหวัดชัยภูมิ)
- เมืองสี่มุม (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองจตุรัส)
- เมืองโนนลาว (ต่อมาสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เปลี่ยนชื่อ เป็นเมืองโนนไทย)
เมื่อ พ.ศ. 2433 ประเทศไทย ได้จัดการปฏิรูปหัวเมืองลาว ที่เป็นเมืองขึ้นของไทยทั้งหมดคือ
หัวเมืองลาวตะวันตกเฉียงเหนือ มีเมืองเชียงใหม่เป็นจุดศูนย์กลาง
หัวเมืองลาวฝั่งตะวันออก มีศูนย์กลางอยู่เมืองจำปาศักดิ์
หัวเมืองลาวตะวันออกเฉียงเหนือ มีศูนย์กลางอยู่เมืองอุบลราชธานี
หัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองหนองคาย
หัวเมืองลาวกลาง ศูนย์กลางอยู่ที่เมืองนครราชสีมา โดยมีเมืองชลบถและเมืองภูเวียงอยู่ในการปกครอง หัวเมืองลาวกลาง
พ.ศ. 2442 มีการเปลี่ยนชื่อเรียกหัวเมืองใหม่ทั้งหมด ให้เรียกเป็น มณฑล
หัวเมืองลาวตะวันตกเฉียงเหนือ คือ มณฑลเชียงใหม่
หัวเมืองลาวฝั่งตะวันออก คือ มณฑลจำปาศักดิ์
หัวเมืองลาวตะวันออกเฉียงเหนือ คือ มณฑลอุบลราชธานี
หัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ ถูกย้ายมาที่บริเวณบ้านหมากแข้ง (อุดรธานี)
หัวเมืองลาวกลาง คือ มณฑลนครราชสีมา
และ หัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ ได้ย้ายที่ตั้งหัวเมืองลงมาจากฝั่งแม่น้ำโขง 50 กิโลเมตร เนื่องจากทางการไทย ได้ทำสัญญากับฝรั่งเศส (ยึดลาว) ให้ทั้งสองฝ่าย ตั้งกองกำลังห่างจากแนวเขตแดน ระยะทาง 50 กิโลเมตร หัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ เปลี่ยนเป็น มณฑลลาวพวน และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น มณฑลอุดร
พ.ศ. 2434 กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ข้าหลวงประจำมณฑลอุดร หลังจากรวมเมืองขอนแก่น 2 ให้ย้ายไปรวมกับเมืองขอนแก่น 1 ที่บริเวณบ้านทุ่มแล้ว ท่านได้เดินทางลงมาตรวจเยี่ยมเมืองชลบถ ท่านเห็นว่าเมืองชลบถเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก สมญานามว่า เมืองชลบถพิบูลย์
พ.ศ. 2447 ไทยได้จัดแบ่งเขตการปกครองเป็นบริเวณ คือ จัดให้มีเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ กัน รวมเป็นกลุ่ม ให้เมืองที่มีประชาหนาแน่นเป็นที่ตั้ง เมือชลบถ จึงถูกตัดออกมากับบริเวณพาชี อันประกอบด้วย
เมืองขอนแก่น
เมืองชลบถพิบูลย์
เมืองภูเวียง
เมืองขอนแก่นเป็นเมืองใหญ่ จึงได้เป็นศูนย์กลางการปกครอง ในที่ตั้งบริเวณพาชี
พ.ศ. 2450 มีการเปลี่ยนแปลงเขตบริเวณพาชี เมืองชลบถถูกยุบลงมาเป็นอำเภอ ทำให้ฐานะพระศรีชนะบาล เจ้าเมืองชลบถ ปรับลงเป็นนายอำเภอ
พ.ศ. 2466 ตามแผนที่ทางราชการจะตัดทางรถไฟผ่านเมืองชลบถ แต่ก็ได้มีการสำรวจใหม่ ทางราชการได้ออกพระราชกฤษฎีกา พ.ศ. 2468 เปลี่ยนเส้นทางการสร้างทางรถไฟผ่านบ้านไผ่ ตำบลบ้านไผ่ อำเภอชนบท (ขณะนั้น)
พ.ศ. 2457 ตั้งอำเภอพล
พ.ศ. 2471 ตั้งกิ่งอำเภอบ้านไผ่
พ.ศ. 2482 ยกฐานะกิ่งอำเภอบ้านไผ่ขึ้นเป็นอำเภอ ผลจากการที่ทางรถไฟผ่านอำเภอบ้านไผ่ ได้มีคนอพยพเข้ามาทำมาค้าขายและอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันอำเภอมัญจาคีรีได้ย้ายมาตั้งที่ดอนเหมือดแอ่ข้างบึงกุดเค้าตะวันออกบ้านแท่น ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอชลบถเพียง 13 กม.
พ.ศ. 2468 ทางราชการมีแผนที่จะยุบอำเภอชลบถ เป็นตำบล ประกอบกับเกิดไฟไหม้ที่ว่าการอำเภอ ทางราชการจึงยุบอำเภอชลบถลงเป็นตำบล และให้ทุกตำบลในเขตอำเภอชลบถ ไปขึ้นกับอำเภอบ้านไผ่ จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2490 ได้มีพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอชนบท ในชื่อ "ชนบท" ขึ้นอีกครั้งหนึ่งจนถึงปัจจุบัน
ชนบท เป็นคำนามแปลว่า บ้านนอก ชลบถ เป็นคำสมาสระหว่าง ชล เป็นคำนามแปลว่า น้ำ กับ บถ เป็นคำนามแปลว่า ทาง แปลรวมกันได้ความว่า “ทางน้ำ” ดังนั้น หากอาศัยหลักทางวิชาการ "ภูมินามวิทยา" (Toponymy) และหลักภูมิรัฐศาสตร์ (Geo- Political Sciences) ซึ่งเป็นศาสตร์ค้นคว้า เกี่ยวกับการตั้งชื่อถิ่นฐานบ้านเมือง ตามทำเลที่ตั้ง "ชลบถ" จึงน่า จะเป็นคำที่ถูกต้องกว่า ชนบท
เมืองชลบถ หรืออำเภอชนบท มีทำเนียบผู้ปกครองมาแล้วดังต่อไปนี้
มีเจ้าเมืองเป็นผู้ปกครอง 5 คน
มีข้าหลวงเมืองเป็นผู้ปกครอง 3 คน
มีนายอำเภอเป็นผู้ปกครอง 33 คน จนถูกยุบเข้าเป็นตำบล
พ.ศ. 2506 แยกอำเภอพล ตั้งเป็นอำเภอหนองสองห้อง
พ.ศ. 2514 ตั้งกิ่งอำเภอแวงน้อย แยกออกจากอำเภอพล
พ.ศ. 2520 ยกฐานะกิ่งอำเภอแวงน้อย เป็นอำเภอแวงน้อย และแยกอำเภอบ้านไผ่ ออกไปตั้งเป็นกิ่งอำเภอเปือยน้อย
พ.ศ. 2521 แยกอำเภอพล ออกไปตั้งเป็นกิ่งอำเภอแวงใหญ่
พ.ศ. 2537 ยกฐานะกิ่งอำเภอเปือยน้อย เป็นอำเภอเปือยน้อย และกิ่งอำเภอแวงใหญ่ เป็นอำเภอแวงใหญ่
พ.ศ. 2538 แยกอำเภอบ้านไผ่ ออกไปตั้งเป็นกิ่งอำเภอบ้านแฮด
พ.ศ. 2539 ตั้งกิ่งอำเภอโนนศิลา แยกออกจากอำเภอบ้านไผ่
พ.ศ. 2550 ยกฐานะกิ่งอำเภอบ้านแฮด และกิ่งอำเภอโนนศิลา เป็นอำเภอ
สรุป พื้นที่จังหวัดขอนแก่นในปัจจุบัน บริเวณตอนล่างแม่น้ำชี คือพื้นที่ของเมืองชลบถเดิม นั้นเอง
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย
https://youtu.be/rA2ZOoduwUQ?si=NJfWgVvki7RxEzPq
ประวัติความเป็นมา ของอำเภอชนบท