อัลบัส ดัมเบิลดอร์ คือพ่อมดเพียงคนเดียวที่ลอร์ด โวลเดอมอร์หวาดกลัว
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ คือพ่อมดเพียงคนเดียวที่ลอร์ด โวลเดอมอร์หวาดกลัว เป็นสิ่งแรกๆ ที่ เจ.เค.บอกไว้กับคนอ่านตั้งแต่เล่มศิลาอาถรรพ์ และเราก็คิดว่านั่นเป็นเพราะดัมเบิลดอร์คือพ่อมดที่ทรงพลังที่สุดของยุค การันตีด้วยผลงานจากการปราบเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ลงได้ในอดีต
ในฉากการดวลระหว่างดัมเบิลดอร์และโวลเดอมอร์ที่กระทรวงเวทมนตร์ (บทที่ 36 : คนเดียวที่เขากลัว) เมื่อลองอ่านใหม่อีกครั้งทำให้ผมสะกิดใจ ว่าจริงๆ แล้ว ดัมเบิลดอร์ก็เกือบจะพลาดท่าไปเหมือนกันในชั่วขณะหนึ่ง (ดีว่าฟอสก์เข้ามารับแทน) และการปล่อยให้โวลเดอมอร์หลบหนีไปได้นั้น น่าจะมีเหตุผลอื่นแฝงอยู่ด้วย (เดี๋ยวผมจะเล่าในภายหลัง) และที่ป้าโจเคยบอกว่าโวลเดอมอร์หวาดกลัวดัมเบิลดอร์นั้น ผมเคยเข้าใจว่าเขาหวาดกลัวพลังเวทมนตร์ของดัมเบิลดอร์ แต่จากการดวลเพียงสั้นๆ ที่เราได้เห็น มันก็พอจะบอกได้ว่าทักษะและระดับพลังของทั้งคู่นั้นถือว่าสูสีกัน
และเมื่ออ่านเล่มเจ้าชายเลือดผสมกับเครื่องรางยมทูตอีกครั้ง ก็ฉุกคิดได้อย่างหนึ่งว่า ถ้าจะวัดกันที่ระดับพลัง ผมเชื่อว่ามีพ่อมดแม่มดอีกหลายคนมากที่สามารถต่อสู้กับโวลเดอมอร์ได้ - อย่างช่วงท้ายของการรบ มักกอนนากัล คิงส์ลีย์และซลักฮอร์น ก็ยังเข้าไปต่อสู้กับโวลเดอมอร์ ผมลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าแฮร์รี่ไม่เข้ามาขวางเสียก่อน ปล่อยให้การต่อสู้ดำเนินไป ผมว่าระดับฝีมือของทั้งสามคนนี้รวมกันก็มีโอกาสคว่ำโวลเดอมอร์ได้แน่นอน
แต่แน่นอนว่าการจะทำแบบนั้นได้ ต้องทำลายฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์ให้หมดก่อน เพราะถ้าเขาถูกปราบลงไปได้ แต่ฮอร์ครักซ์ยังคงอยู่ โวลเดอมอร์ก็จะกลับมาคืนชีพได้อีกครั้งไปเรื่อยๆ
ดังนั้นเรื่องระดับพลัง จึงไม่น่าจะเป็นสิ่งที่โวลเดอมอร์หวาดกลัวในตัวของอัลบัส ดัมเบิลดอร์
หากแต่เป็นเพราะว่า อัลบัส ดัมเบิลดอร์ คือ พ่อมดเพียงคนเดียวที่รู้จักลอร์ด โวลเดอมอร์ดีที่สุด
สิ่งที่ทำให้คนทั่วๆ ไปหวาดกลัวโวลเดอมอร์ ไม่ใช่เพราะระดับพลังเวทมนตร์ที่เขามีเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นความหวาดกลัว ที่เขาจงใจสร้างมันขึ้นมาด้วย ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นตั้งแต่วันแรกที่ดัมเบิลดอร์ได้พบกับทอม ริดเดิ้ล ณ โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า
“ผมทำให้พวกเขาเจ็บปวดก็ได้ถ้าผมต้องการ”
(บทที่ 13 : ริดเดิ้ลผู้ลึกลับ - เจ้าชายเลือดผสม)
ประโยคนี้มันสะท้อนตัวตนและจิตใจของจอมมารได้เป็นอย่างดี เขาเรียนรู้ที่จะสร้างความหวาดกลัว จงใจทำให้คนอื่นๆ ทุกข์ทรมาณ เจ็บปวด พร้อมจะลงมือฆ่าได้ทุกคนแม้กระทั่งเด็กเล็ก สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เป็นเครื่องมือชั้นยอดในการสร้างความหวาดกลัวของผู้คน จนไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อของเขาออกมาตรงๆ และหันไปใช้คำเลี่ยงอย่าง ‘คนที่ไม่ควรเอ่ยนาม’ หรือ ‘คนที่คุณก็รู้ว่าใคร’
ความกลัวที่เขาสร้างนี่เอง ที่ทำให้โวลเดอมอร์รู้สึกว่าตนเองนั้น “ได้อยู่เหนือกว่าคนอื่นแล้ว”
คนที่กล้าหาญเท่านั้น ที่จะเรียกชื่อเขาออกมาตรงๆ (แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ ลูปิน ซิเรียส) พวกเขากล้าที่จะเอ่ยชื่อโวลเดอมอร์ออกมา ไม่ใช่เพราะพวกเขามีฝีมือจะต่อกรกับจอมมารได้ พวกเขารู้ว่าคนๆ นี้น่ากลัวเพียงใด แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะให้ความกลัวนั้นมันครอบงำหรือมีอำนาจเหนือพวกเขา
แต่ดัมเบิลดอร์กลับไปไกลยิ่งกว่านั้น จริงอยู่ที่เขาก็เรียกชื่อโวลเดอมอร์ออกมาตรงๆ แต่เมื่อเผชิญหน้ากัน ดัมเบิลดอร์จะเรียกเขาด้วยชื่อเดิมเสมอ อย่างคำว่า “ทอม”
อาจดูเป็นเรื่องเล็กๆ ที่หลายคนไม่ได้สนใจ แต่สำหรับผม (ที่ชอบแคะ แกะ หาประเด็นจากหนังสืออยู่เรื่อยๆ) กลับเริ่มคิดว่า นี่เป็นการซ่อนนัยยะหนึ่งที่ เจ.เค. แฝงไว้ในตัวของดัมเบิลดอร์
การไม่เพียงแต่จะยอมเรียกชื่อโวลเดอมอร์ตามอย่างที่จอมมารต้องการ แต่การจงใจเรียกเขาว่า “ทอม” ทุกครั้ง นั่นหมายถึงดัมเบิลดอร์ปฏิเสธการสร้างตัวตนผ่านความหวาดกลัวของอดีตลูกศิษย์คนนี้ เขาไม่ได้หวาดกลัวบุคลิกอันชั่วร้ายที่โวลเดอมอร์สร้างขึ้น แต่เลือกที่จะสนทนากับเขาในฐานะ “มนุษย์ปกติธรรมดา” – ซึ่งนั่นต่างหากคือสิ่งที่โวลเดอมอร์หวาดกลัวจริงๆ
ดัมเบิลดอร์คือคนเดียวที่เห็นเขาในแบบที่เขาเป็นจริงๆ - มนุษย์ธรรมดาที่อ่อนแอ และพ่ายแพ้ให้กับพลังอำนาจของความตาย จนยอมกระทำชั่วหลายๆ ครั้งเพื่อฉีกวิญญาณตัวเองไปซ่อนไว้ในวัตถุ (ฮอร์ครักซ์) และคิดเพียงแค่ว่าถ้ามีสิ่งนี้แล้วจะทำให้ตนเองเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย – ซึ่งถ้าลองคิดตามดู ต่อให้โวลเดอมอร์ซ่อนฮอร์ครักซ์เอาไว้ดีขนาดไหน สักวันมันก็ต้องถูกค้นพบอยู่ดี เพราะผมยังเชื่ออย่างหนึ่งว่า “ความลับไม่มีในโลก” – แม้แต่เรกูลัส แบล็ก ยังล่วงรู้ความลับของเขาได้เลย
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจคิดว่ามันดูไร้เหตุผล ที่โวลเดอมอร์หวาดกลัวดัมเบิลดอร์เพราะเรื่องแค่นี้ แต่ผมเชื่อจริงๆ ว่า จุดอ่อนที่สุดของคนที่คิดว่าตนเองใหญ่คับฟ้า คือ ความธรรมดาสามัญที่พวกเขามักจะซ่อนเอาไว้ภายใต้อะไรบางอย่าง อาจจะเป็นอำนาจ เงินทอง บริวารรับใช้ ไปจนถึงการสร้างคุณงามความดีแบบปลอมๆ ฯลฯ
คนประเภทนี้ล้วนหวาดกลัวว่าจะมีคนล่วงรู้ในสิ่งนี้ จนทำให้ความยิ่งใหญ่ของตนนั้นถูกท้าทายและอาจพังทลายลงมาได้ในพริบตา
อ้างอิงจาก: พอตเตอร์ไดอารี่