สถาปัตยกรรมกรีกโบราณ ช่วง 750 - 300 ปีก่อนคริสตกาล
สถาปัตยกรรมกรีกโบราณในช่วง 750 - 300 ปีก่อนคริสตกาลมีลักษณะที่โดดเด่นและแตกต่างจากวัฒนธรรมอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอียิปต์โบราณ ชาวกรีกไม่เชื่อในชีวิตหลังความตายแบบชาวอียิปต์ จึงไม่มีสุสานหรือพิธีฝังศพที่ซับซ้อน สถาปัตยกรรมของพวกเขาเน้นความเรียบง่ายและความสวยงามเชิงโครงสร้าง แทนการสร้างอาคารที่ยิ่งใหญ่หรือพิธีกรรมที่วิจิตร
สถาปัตยกรรมกรีกใช้ระบบโครงสร้างแบบเสาและคานเช่นเดียวกับอียิปต์ โดยมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โครงสร้างเริ่มจากฐานที่ยกสูงขึ้นจากพื้น มีฝาผนังที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นห้องต่าง ๆ ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่ 1 ถึง 3 ห้อง โดยไม่มีหน้าต่าง ผนังเหล่านี้มักจะถูกล้อมรอบด้วยเสา ซึ่งช่วยสร้างความโปร่งใสและให้แสงสว่างบริเวณภายนอกของอาคาร ทำให้สถาปัตยกรรมกรีกมีความเปิดและเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ใหญ่โตจนเกินไป รูปทรงของอาคารจึงเรียบง่ายแต่ทรงพลัง
สถาปัตยกรรมกรีกพื้นฐานมีสามรูปแบบหลัก ได้แก่ แบบดอริก ไอโอนิก และโครินเธียน ในสมัยอาร์เคอิก แบบดอริกและไอโอนิกเป็นที่นิยม แบบดอริกมีลักษณะเรียบง่าย เสามีหัวเสาที่ไม่ซับซ้อน ส่วนแบบไอโอนิกมีความซับซ้อนขึ้น หัวเสามีลักษณะเป็นเกลียวซ้อน ซึ่งพบได้ทั่วไปในแถบเอเชียไมเนอร์ ต่อมาแบบโครินเธียนก็เกิดขึ้น โดยมีลวดลายที่ละเอียดประณีตขึ้น หัวเสามีลายรูปใบไม้ที่สวยงาม
ชาวกรีกนิยมสร้างอาคารโดยใช้สถาปัตยกรรมทั้งสามแบบนี้ผสมผสานกัน โดยมีการตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักทั้งรูปทรงเรขาคณิตและรูปคน นอกจากนี้ยังใช้การระบายสีในการตกแต่ง สีที่นิยมคือสีน้ำเงินซึ่งใช้ระบายเป็นฉากหลังของลวดลายที่หน้าจั่ว และสีแดงสำหรับประติมากรรมที่หัวเสาและคิ้วคาน ทำให้สถาปัตยกรรมกรีกมีเอกลักษณ์ที่น่าชื่นชม เป็นงานที่มีความละเอียดอ่อนและสะท้อนถึงความงดงามเชิงศิลปะของชาวกรีกในยุคนั้น