ชายรักชาย ในสังคมกรีกโบราณคือเรื่องปกติ
ทัศนะเกี่ยวกับชายรักชายในสมัยกรีกโบราณมีความสัมพันธ์ในด้านวัฒนธรรมและสังคม ความรักและความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างชายรักชาย ถือเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในสังคมกรีกโบราณและมีบทบาทสำคัญในหลายบริบท ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการศึกษา ศีลธรรม การพัฒนาอุดมคติ หรือแม้แต่ในกองทัพและการทำสงคราม
ในสังคมกรีกโบราณ ความรักระหว่างชายกับชายไม่ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามทางศีลธรรมหรือกฎหมาย กลับถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ที่เสริมสร้างคุณธรรมและความรู้ ความสัมพันธ์ระหว่างชายรักชายมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับบริบทและสถานการณ์ หนึ่งในรูปแบบที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือความสัมพันธ์แบบ พีเดราสที (Pederasty) ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายผู้ใหญ่กับชายหนุ่มที่ยังไม่ได้เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์นี้มีบทบาทที่สำคัญในสังคม โดยชายผู้ใหญ่จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหรือผู้ให้คำแนะนำแก่ชายหนุ่มในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา การฝึกอบรมทางทหาร ศีลธรรม และปรัชญา
"พีเดราสที" (Pederasty) ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายผู้ใหญ่และชายหนุ่มที่ยังไม่ได้เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เน้นเฉพาะความรักทางเพศเพียงอย่างเดียว แต่มีบทบาททางการศึกษาที่สำคัญในสังคมกรีก ชายผู้ใหญ่จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหรือผู้ให้คำแนะนำแก่ชายหนุ่มในเรื่องต่างๆ ทั้งด้านจิตใจ การทหาร การเมือง และปรัชญา ซึ่งถือว่าเป็นการสอนและปลูกฝังคุณธรรม ความสัมพันธ์เชิงพีเดราสทีนั้นถือเป็นที่ยอมรับและมีแบบแผนในสังคม โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูง
ในทางปรัชญา เพลโต (Plato) นักปรัชญาชื่อดังของกรีก ได้กล่าวถึงความรักระหว่างเพศเดียวกันอย่างกว้างขวางในผลงานของเขา โดยเฉพาะในงานชื่อ Symposium ซึ่งพูดถึงความรัก (eros) และการเรียนรู้ เพลโตแยกความรักทางเพศออกจากความรักที่มีต่อจิตใจ โดยเชื่อว่าความรักที่แท้จริงควรเป็นการแสวงหาความรู้และความงามทางปัญญามากกว่าความต้องการทางร่างกาย ความสัมพันธ์ระหว่างชายรักชายในมุมมองของเพลโตจึงถูกยกระดับให้เป็นความรักที่มีบทบาทในกระบวนการของการเรียนรู้และการพัฒนาจิตใจ
ในด้านสังคม ความสัมพันธ์ชายรักชายยังพบเห็นได้ในหมู่ทหารและนักรบ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและความเสียสละ ตัวอย่างเช่น กองทัพนักรบแห่งธีบส์ (Sacred Band of Thebes) ซึ่งเป็นกองทัพที่ประกอบไปด้วยคู่รักชาย 150 คู่ เชื่อว่าความรักและความภักดีระหว่างชายรักชายในกองทัพนี้จะทำให้นักรบพร้อมที่จะต่อสู้และปกป้องกันและกันในสนามรบ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่เสริมสร้างความเข้มแข็งและความสำเร็จในการทำสงคราม
ในวรรณกรรมและตำนานกรีก ความรักระหว่างชายกับชายถูกเล่าขานในหลายเรื่องราว หนึ่งในเรื่องราวที่โด่งดังที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่าง อะคิลลีส (Achilles) และ แพโตรคลัส (Patroclus) ในมหากาพย์ อีเลียด (Iliad) ของโฮเมอร์ ถึงแม้ในมหากาพย์จะไม่ได้ระบุชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นความรักเชิงโรแมนติก แต่ในยุคคลาสสิกและยุคปัจจุบัน ความสัมพันธ์นี้ถูกตีความใหม่ว่าเป็นความรักระหว่างชายรักชายที่สำคัญในตำนานกรีก
ความใกล้ชิดระหว่างอะคิลลีสและแพโตรคลัสเป็นแกนหลักของเรื่องราวในอีเลียด เมื่อแพโตรคลัสถูกสังหารในการต่อสู้กับเฮกเตอร์ อะคิลลีสได้โกรธแค้นและเสียใจอย่างมาก เขาถึงกับทิ้งความโกรธเคืองต่ออากาเมมนอนและกลับเข้าสู่สนามรบเพื่อแก้แค้นให้แพโตรคลัส การกระทำนี้แสดงให้เห็นถึงความผูกพันทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งระหว่างอะคิลลีสและแพโตรคลัส ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ในยุคหลังเชื่อว่าพวกเขาเป็นคู่รักที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่าความเป็นเพื่อนธรรมดา
ดังนั้น ทัศนะเกี่ยวกับชายรักชายในสมัยกรีกโบราณมีความซับซ้อนและหลากหลาย ความสัมพันธ์ระหว่างชายรักชายไม่เพียงแต่เป็นความสัมพันธ์ทางเพศ แต่ยังมีมิติที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ศีลธรรม ความภักดี และการพัฒนาตนเอง ความรักเชิงปัญญาและความผูกพันทางจิตใจระหว่างชายรักชายเป็นที่ยอมรับในสังคม และมีบทบาทสำคัญในหลายบริบท ทั้งในทางสังคม ปรัชญา และวรรณกรรม
อ้างอิงจาก: www.ancient.eu
www.worldhistory.org
www.britannica.com
www.history.com
www.livius.org