วันนี้ 17 กันยายน เป็นวันที่มีการประกาศพิกัดราคาเงินเหรียญบาทครั้งแรกในสยาม : จุดเริ่มต้นการปฏิวัติระบบเงินตราไทย
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2403 นับเป็นวันที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์การเงินของประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงออกประกาศพิกัดราคาเงินเหรียญบาทอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศสยามได้มีการใช้เหรียญกษาปณ์มาตรฐานแทนการใช้เงินพดด้วงที่เคยใช้อยู่ก่อนหน้านั้น การปฏิวัติระบบเงินตราครั้งนี้มีความสำคัญมากในการสร้างรากฐานให้กับการเงินสมัยใหม่ในประเทศไทย
ในรัชสมัยของพระองค์ รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง โรงกระสาปน์สิทธิการ ซึ่งเป็นโรงกษาปณ์แห่งแรกของไทย โรงนี้ตั้งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง ณ บริเวณด้านหน้าพระคลังมหาสมบัติ ใกล้ทางออกประตูสุวรรณบริบาลด้านทิศตะวันออก โดยพื้นที่นี้เคยใช้เป็นโรงทำเงินพดด้วงมาก่อน เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การใช้เหรียญกษาปณ์แบบใหม่ พระองค์ได้ทรงสั่งนำเข้าเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไอน้ำจากประเทศอังกฤษ มาติดตั้งที่โรงกระสาปน์ดังกล่าว นับเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น
เหรียญกษาปณ์ที่ผลิตได้จากโรงกระสาปน์สิทธิการแห่งนี้มีความพิเศษและแตกต่างจากเงินพดด้วงที่ใช้มาก่อนหน้านี้ โดยเหรียญบาทด้านหน้ามีรูปพระมหามงกุฎและฉัตรทั้งสองข้าง ด้านหลังเป็นรูปช้างอยู่กลางพระแสงจักร เหรียญนี้มีน้ำหนัก 15.33 กรัม และเส้นผ่าศูนย์กลาง 31 มิลลิเมตร ผลิตจากเนื้อเงินแท้ นอกจากเหรียญบาทแล้ว ยังมีเหรียญเงินในราคาต่าง ๆ เช่น เหรียญกึ่งบาท สลึง เฟื้อง และกึ่งเฟื้อง รวมถึงเหรียญทองพัดดึงส์จำนวนหนึ่ง เหรียญเหล่านี้ถูกนำมาใช้แทนเงินพดด้วง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสู่ระบบเงินตรามาตรฐาน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นการปฏิวัติระบบเงินตราของประเทศไทยที่สำคัญ เนื่องจากเหรียญกษาปณ์ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ทำให้การแลกเปลี่ยนสินค้าและการค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากการก่อตั้งโรงกระสาปน์สิทธิการ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงกษาปณ์แห่งที่สอง ทำให้โรงกระสาปน์สิทธิการถูกปรับเปลี่ยนการใช้งานเป็นโรงหมอและคลังราชพัสดุ อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2440 โรงกระสาปน์สิทธิการประสบกับเหตุเพลิงไหม้และถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์
แม้ว่าโรงกระสาปน์สิทธิการจะไม่ได้อยู่จนถึงปัจจุบัน แต่บทบาทของมันในฐานะโรงกษาปณ์แห่งแรกของประเทศไทยยังคงถูกจดจำในฐานะจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติระบบเงินตราในสมัยใหม่ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจและการเงินของไทย