น้ำท่วม รถ EV ไปต่อ หรือพอแค่นี้? เจาะลึกความเสี่ยงและทางรอด
ภาพฝนตกหนัก น้ำท่วมขังบนถนน อาจทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกประเภทหวั่นใจ แต่สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ความกังวลอาจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะนอกจากความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้ว ยังมีความกังวลเรื่องระบบไฟฟ้าแรงสูงที่อาจเป็นอันตรายหากเกิดการรั่วไหล
หยุด หรือไปต่อ?
คำตอบสั้นๆ คือ "หยุด" หากระดับน้ำท่วมสูงเกินขอบประตูรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สันดาปภายในหรือรถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม การฝืนขับต่อไปมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความเสียหายต่อรถยนต์และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
เหตุผลที่ควรหยุด
- ระบบไฟฟ้าแรงสูง: รถยนต์ไฟฟ้าใช้ระบบไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งหากน้ำท่วมถึงระดับแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ อาจเกิดไฟฟ้ารั่วและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- ความเสียหายต่อรถยนต์: น้ำท่วมอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า มอเตอร์ และส่วนประกอบอื่นๆ ของรถยนต์ ซึ่งค่าซ่อมอาจสูงมาก
- ประกันภัยอาจไม่คุ้มครอง: บริษัทประกันภัยส่วนใหญ่มักไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการขับรถลุยน้ำท่วม
ถ้าจำเป็นต้องขับฝ่าน้ำท่วมจริงๆ ทำอย่างไร?
หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ และจำเป็นต้องขับรถยนต์ไฟฟ้าฝ่าน้ำท่วม ควรปฏิบัติดังนี้
- ประเมินสถานการณ์: ตรวจสอบระดับน้ำและความแรงของกระแสน้ำ หากระดับน้ำสูงเกินขอบประตูรถ หรือกระแสน้ำแรง ควรหลีกเลี่ยงการขับผ่าน
- ขับช้าๆ: ใช้เกียร์ต่ำและขับด้วยความเร็วต่ำ เพื่อลดแรงกระแทกของน้ำและป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่อไอเสีย
- รักษาระยะห่าง: เพิ่มระยะห่างจากรถคันอื่น เพื่อป้องกันการเกิดคลื่นน้ำที่อาจทำให้รถยนต์เสียหลัก
- สังเกตอาการผิดปกติ: หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไฟเตือนแบตเตอรี่โชว์ หรือรถยนต์ดับ ควรหยุดรถทันทีและติดต่อศูนย์บริการ
หลังจากขับรถลุยน้ำท่วม
- ตรวจสอบรถยนต์: นำรถยนต์ไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด เพื่อตรวจสอบความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ
- ทำความสะอาด: ทำความสะอาดรถยนต์ทั้งภายนอกและภายในอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ
สรุป
การขับรถยนต์ไฟฟ้าลุยน้ำท่วมเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง หากจำเป็นต้องขับผ่านจริงๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นอย่างเคร่งครัด และนำรถยนต์ไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการหลังจากขับลุยน้ำท่วม เพื่อความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ของคุณ