หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

จักรพรรดิกวังซฺวี่ จักรพรรดิองค์ที่ 11 เเห่งราชวงศ์ชิง

เนื้อหาโดย jarnmoochannel

🐉จักรพรรดิกวังซฺวี่ จักรพรรดิองค์ที่ 11 ราชวงศ์ชิง
#มหากาพย์ราชวงศ์ชิงตอนที่11

🔸พระองค์ พระราชสมภพ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1871
(ตำหนักฉุนจิ้นอ๋อง กรุงปักกิ่ง) พระนามเดิมว่า อ้ายซินเจว๋หลัว ไจ้เถียน
-พระราชบิดา คือ องค์ชายอี้เซฺวียน
-พระราชมารดาคือ องค์หญิงเย่เฮ่อน่าลา ว่านเจิน

🔸พระองค์ทรงถูกพระนางซูสีไทเฮาบังคับให้อภิเษกสมรสกับหลานสาวของพระนาง ชื่อ จิงเฟิน (ต่อมาเป็น พระพันปีหลงยฺวี่)​
🔸ซึ่งจิงเฟิงมีชันษาแก่กว่าพระองค์ 8 ชันษา บิดาของพระนาง มีชื่อว่า กุ้ยเสียง ซึ่งเป็นอนุชาของพระนางซูสีไทเฮา และพระนางซูสีไทเฮาให้อภิเษกสมรส​กับจิงเฟินเพื่อที่จะเพิ่มพูนอำนาจให้แก่สกุลเย่เหอนาลา ของพระนาง

🔸แต่พระจักรพรรดิกวังซวีมิได้โปรดนางเลย ทรงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับพระสนมของพระองค์ ซึ่งพระสนมโปรดของพระองค์คือ พระสนมเจิน (珍妃)

🐉การเสด็จขึ้นครองราชย์🐉

🔸จักรพรรดิกวังซฺวี่เป็นพระโอรสองค์ที่2 ในฉุนจิ้นอ๋องอี้เซฺวียน และพระนางเยเหอนาลา วานเจิน พระขนิษฐาของซูสีไทเฮา
🔸 ดังนั้นพระจักรพรรดิกวังซฺวี่จึงมีศักดิ์เป็นพระภาคิไนย(หลาน)​ ของพระนางซูสีไทเฮา

🔸ในปี ค.ศ. 1875 จักรพรรดิถงจื้อเสด็จสวรรคตโดยไม่มีพระราชโอรส จึงทำให้ต้องมีการเลือกฮ่องเต้พระองค์ใหม่
-​ซูอันไทเฮา เลือก พระโอรสในกงจิ้นอ๋องเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่
-​แต่ซูสีไทเฮาผู้ครองอำนาจเหนือกว่าซูอันไทเฮาในขณะนั้นได้เลือก องค์ชายไจ้เถียน (จักรพรรดิกวังซฺวี่ในอนาคต) พระโอรสในฉุนจิ้นอ๋อง

🔸ซึ่งการเลือกองค์ชายไจ้เถียนเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่ ถือว่าผิดธรรมเนียมของการสืบราชสมบัติของราชวงศ์ชิง ที่ต้องเลือกจักรพรรดิองค์ใหม่เป็นสมาชิกราชวงศ์รุ่นถัดไปจากจักรพรรดิพระองค์ก่อน การเลือกนัดดาของพระนางเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่นั้นก็ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกในราชวงศ์

🔸พระนามของพระองค์ว่าไจ้เถียนนั้น ถือว่าเป็นสมาชิกราชวงศ์ในรุ่นที่หลังจากพระปิตุลา(ลุง)ของพระองค์ คือ จักรพรรดิเสียนเฟิง ดังนั้นจึงถือว่าพระองค์เป็นรัชทายาทของจักรพรรดิเสียนเฟิงมากกว่าที่จะเป็นรัชทายาทของพระจักรพรรดิถงจื้อ พระภาดา (ลูกพี่ลูกน้อง) ของพระองค์

🔸เเละเพื่อรักษาธรรมเนียมในการสืบราชสมบัติจากพระบิดาสู่โอรส จึงถือให้พระจักรพรรดิกวังซวีเป็นโอรสบุญธรรมของพระจักรพรรดิเสียนเฟิง

🔸พระองค์ทรงครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุ 4 พรรษาและใช้ชื่อ กวังซฺวี่ เป็นชื่อศักราชในรัชสมัยของพระองค์ ในนาม "จักรพรรดิกวังซวี" พระองค์ทรงเป็นโอรสบุญธรรมของพระนางซูสีไทเฮา

🔸ในช่วงที่จักรพรรดิยังทรงพระเยาว์นั้น ซูอันไทเฮา​เเละซูสีไทเฮา​เป็นผู้สำเร็จราชการหลังม่านร่วมกันตลอดมา

🐉พระราชกรณียกิจ🐉

🔸ภายหลังจากที่พระองค์มีพระชนม์ควรที่จะเริ่มดำเนินพระราชกรณียกิจด้วยตัวพระองค์เองได้แล้ว
🔸แต่ซูสีไทเฮาก็ยังคงพระอำนาจในการตัดสินพระทัยและดำเนินพระราชกรณียกิจแทนพระองค์พระจักรพรรดิอยู่ ถึงแม้ว่าพระนางจะไปประทับที่พระราชวังฤดูร้อนแล้วก็ตาม

🔸หลังจากที่พระองค์มีพระราชอำนาจเต็มที่ พระองค์ทรงพระราชดำริที่จะปฏิรูปให้จีนมีความทันสมัยทุกด้านมากกว่าที่จะปฏิรูปไปในทางอนุรักษนิยมแบบพระนางซูสีไทเฮาได้ทรงวางไว้

🔸 พระองค์ทรงเชื่อว่าการมีจักรพรรดิภายใต้รัฐธรรมนูญแบบจักรวรรดิ​ญี่ปุ่น ประเทศจะมีความเจริญทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1898
🔸พระองค์ทรงริเริ่ม "การปฏิรูปร้อยวัน" โดยพยายามที่จะปฏิรูป การเมือง สังคมและกฎหมาย ในช่วงระยะเวลาอันไม่นานหลังจากการวางมือของพระนางซูสีไทเฮา
🔸จักรพรรดิทรงออกพระบรมราชโองการหลายฉบับในการปฏิรูปครั้งใหญ่นี้ โดยมีขุนนางหลักที่คอยช่วยเหลือกิจการในครั้งนี้ของพระองค์ของคนคือ คัง โหย่วเหวย และ เหลียง ฉี่เชา

🔸โดยการเปลี่ยนแปลงนี้มีการเปลี่ยนแปลงประเทศจากเกษตรกรรมไปเป็นอุตสาหกรรมและมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการสอบรับราชการ
🔸 โดยพระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกาในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ทันสมัยในขณะนั้นของจีน

🔸มีการก่อสร้างทางรถไฟ ลู่หาน และระบบท้องพระคลังให้มีระบบเช่นเดียวกับทางตะวันตก โดยมีเป้าหมายทำให้จีนเป็นประเทศที่ทันสมัย มีพระมหาจักรพรรดิภายใต้รัฐธรรมนูญแต่ยังคงความเป็นจีนเอาไว้อยู่ ดังเช่นการปฏิรูปเมจิของญี่ปุ่น

🔸เเต่สภาพสังคมจีนในขณะนั้นยังเป็นแบบนับถือลัทธิขงจื้ออยู่และการปฏิรูปครั้งนี้ยังมีความขัดแย้งไปถึงพระนางซูสีไทเฮาด้วย
🔸ซึ่งพระนางเป็นผู้ว่าราชการหลังม่านอยู่ในขณะนั้น อีกทัังข้าราชการหัวอนุรักษนิยมหลายๆคนไม่พอใจในการปฏิรูปครั้งนี้ และได้ไปร้องทุกข์กับพระนางซูสีไทเฮา

🔸พระนางทรงรู้ดีว่าไม่มีทางที่จะทำให้การปฏิรูปของพระจักรพรรดิหยุดลงได้ มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจ
🔸พระจักรพรรดิทรงทราบถึงแผนการของพระนางจึงได้ทำการปรึกษากับ คัง โหย่วเหวย และคณะปฏิรูป และพวกเขาได้ตัดสินใจที่จะใช้กองทัพของ หยวน ซื่อไข่ ซึ่งเป็นกองทัพที่ทันสมัยในขณะนั้นถึงแม้ว่าจะมีทหารประจำการเพียง 6000 นายเท่านั้น
🔸 และพระนางซูสีไทเฮาก็ได้เรียกใช้ทัพของ ยงลู่ จากเมืองเทียนสิน

🔸ซึ่ง ยงลู่ นั้นยังเป็นพันธมิตรกับนายพลต๋ง ฟู่เสียง ซึ่งมีกำลังพล 10,000 นาย จากกองกำลังมุสลิมกานสู ซึ่งเป็นทหารของราชสำนัก ซึ่งประกอบไปด้วน นายพล หม่า เฟิงสู และนายพลหม่า ฝูลู่
🔸ที่ตั้งทัพอยู่ในบริเวณกรุงปักกิ่งและโจมตีชาวต่างชาติและชาวตะวันตกอยู่เป็นประจำ

🔸พวกเขาอยู่ฝ่ายอนุรักษนิยมของพระนางซูสีไทเฮาระหว่างการรัฐประหาร พวกเขามีปืนยาวของตะวันตกและมีปืนใหญ่ที่ทันสมัย ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าฝ่ายอนุรักษนิยมของพระนางซูสีไทเฮา

🔸ศาสตราจารย์ชาวไต้หวัน เล่ย เซียเซิง (雷家聖) เปิดเผยงานวิจัยใหม่เกี่ยวกับแผนการรัฐประหาร ว่าแท้จริงแล้วสมเด็จพระจักรพรรดิกวังซวีอาจถูกดึงเข้าไปในกับดักที่วางไว้โดยนักปฏิรูป คัง โหย่วเหวย

🔸ซึ่งมิชชั่นนารีชาวอังกฤษและอดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น อิโต ฮิโระบุมิ ใช้อุบายล่อหลอก คัง โหย่วเหวย เพื่อที่จะให้ตกลงยกอำนาจอธิป​ไตยของจีนให้ อิโต ฮิโระบุมิ

🔸โดยเอกอัครราชทูตอังกฤษ เซอร์ ซี. แมคโดนัล กล่าวว่าจริง ๆ แล้วนักปฏิรูปเป็นผู้ทำความเสียหายแก่การพัฒนาสู่ความทันสมัยของจีน ส่วนพระนางซูสีไทเฮานั้นก็ได้ศึกษาแผนการปฏิรูป และได้ตัดสินพระทัยที่จะยุติแผนการนั้นและรักษาประเทศจีนจากการควบคุมของต่างชาติ

🔸แต่หยวน ซือไข่ ก็ได้เริ่มแสดงความสามารถทางการเมืองออกมาให้เห็น โดยได้เลือกทางที่ดีที่สุดโดยได้หักหลังพระจักรพรรดิกวังซฺวี่ในนาทีสุดท้ายก่อนการรัฐประหาร

🔸โดย 1 วันก่อนทำการรัฐประหาร หยวน ซือไข่ได้ไปเข้าเฝ้า ซูสีไทเฮา และบอกแผนการของจักรพรรดิทั้งหมดให้พระนางทรงทราบ โดยพระนางทรงเชื่อตามที่หยวน ซือไข่ กราบทูลรายงาน

🔸และหลังจากนั้น จักรพรรดิ​กวังซวี่กับหยวน ซือไข่ ก็เป็นศัตรูกันตราบจนชีวิตสุดท้ายของพระองค์ และหลังจากนั้นพระนางซูสีไทเฮาก็ได้มีพระเสาวนีย์ให้นำทหารไปล้อมพระราชวังต้องห้าม และจับจักรพรรดิวังซฺวี่ ไปคุมขังไว้ที่เกาะกลางทะเลสาบซึ่งอยู่เชื่อมต่อกับพระราชวังต้องห้าม

🔸และอยู่ในการควบคุมของพระนางซูสีไทเฮา หลังจากนั้นพระนางซูสีไทเฮาก็ได้ออกโองการว่า จักรพรรดิกวังซฺวี่มีความประพฤติที่เสื่อมเสียไม่สมควรที่จะเป็นจักรพรรดิที่บริหารบ้านเมืองอีกต่อไป

🔸แต่หลังจากนั้นพระนางซูสีไทเฮาก็บริหารราชการด้วยพระองค์เองแต่ก็ยังคงใช้ศักราชกวังซฺวี่

🔸หลังจากพระองค์ถูกคุมขังไว้ในตำหนักกลางทะเลสาบ พระนางซูสีไทเฮาก็ได้ส่งขันทีมารับใช้พระองค์แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของการส่งขันทีมาคือควบคุมไม่ให้พระองค์หลบหนีออกจากพระตำหนักและสอดส่องพฤติกรรมของพระองค์อย่างใกล้ชิด

🔸สถานการณ์ถึงขั้นวิกฤติถึงขั้นที่ซูสีไทเฮาทรงบังคับให้พระองค์ทรงสละพระราชสมบัติแล้วพระนางซูสีไทเฮาจะทรงเลือกพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ด้วยตัวของพระนางเอง

🔸แต่อย่างไรก็ตามพระนางซูสีก็ไม่ได้บังคับให้พระจักรพรรดิสละราชสมบัติ แต่ใช้วิธีการ "ว่าราชการด้วยพระองค์เองแต่ใช้ศักราชกวังซฺวี่ไปจนกระทั่งสิ้นสุดรัชสมัยของพระจักรพรรดิ"

🔸หลังจากนั้น พระองค์ทรงสูญเสียทั้ง เกียรติยศ, ความเคารพ,​ พระราชอำนาจและสิทธิต่างๆที่พระองค์ควรได้รับในฐานะเป็นองค์พระประมุข
🔸ผู้สนับสนุนการปฏิรูป100วันต่างลี้ภัยไปบางส่วน และก็มีบางส่วนที่ถูกประหารชีวิตเช่น ทาน ซื่อทุง

🔸ในขณะที่คัง โยวเว่ย ยังคงดำเนินการปฏิรูปต่อไปถึงแม้ว่าจะลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศก็ตาม เขาก็ยังมีความหวังในการฟื้นฟูพระราชอำนาจของพระจักรพรรดิ
🔸เเละต้องการรัฐบาลที่มีการจัดการที่ดีดังเช่นชาติตะวันตก และมีองค์พระจักรพรรดิเป็นศูนย์กลางของอำนาจเพียงอย่างเดียว และล้มพระนางซูสีไทเฮาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนแอของประเทศ

🔸และนั่นก็ยังเป็นข้อที่ถกเถียงกันในสมัยนั้นว่า จะยังคงศักราชกวังซฺวี่เอาไว้หรือไม่ โดยให้พระองค์มีฐานะเป็นเพียงประมุขของประเทศแต่เพียงในนาม โดยยังใช้ศักราชกวังซฺวี่เช่นเดิม หรือว่า จะถอดถอนองค์พระจักรพรรดิออกจากตำแหน่งแล้วแต่งตั้งพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่

🔸ซึ่งในที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับความคิดอันหลัง แต่ ยงลู่ ได้ทัดทานการถอดถอนพระจักรพรรดิไว้ โดยถ้ามีการถอดถอนองค์พระจักรพรรดิขึ้น คาดว่า องค์ชายปูจุ๋น โอรสในองค์ชายตวน จะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ต่อไป

🔸ต่อมาในปี ค.ศ. 1900 พันธมิตรแปดชาติ ได้บุกยึดกรุงปักกิ่ง ซึ่งพระจักรพรรดิก็ได้ทรงทัดทานเรื่องนี้ไว้แต่ตอนแรกแล้ว แต่พระองค์ไม่มีพระราชอำนาจที่จะไปยับยั้งได้ และพระองค์ก็ได้เสด็จลี้ภัยไปพร้อมกับพระนางซูสีไทเฮาไปยังเมืองซีอานโดยทรงปลอมพระองค์เป็นสามัญชน

🔸หลังจากที่ชาติพันธมิตรได้ถอนกำลังออกจากกรุงปักกิ่ง พระจักรพรรดิและพระนางซูสีไทเฮาก็ได้เสด็จฯกลับมาประทับที่พระราชวังต้องห้ามตามเดิม

🔸และพระองค์ทรงตะหนักดีว่าต่อไปนี้พระองค์ทรงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ดังนั้นในแต่ละวันพระองค์จึงทรงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับนาฬิกาหลายเรือนของพระองค์ ซึ่งเป็นงานอดิเรกครั้งที่พระองค์ยังทรงเยาว์ บางทีพระองค์อาจจะรอเวลาให้พระนางซูสีไทเฮาสิ้นพระชมน์และหลังจากนั้นพระองค์ก็จะได้ขึ้นเป็นพระจักรพรรดิที่มีพระราชอำนาจอย่างแท้จริงอีกครั้งหนึ่ง

🐉การสวรรคตของจักรพรรดิกวังซวี่​🐉

🔸จักรพรรดิกวังซฺวี่เสด็จสวรรคต 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908 (37 พรรษา)​ พระองค์สวรรคตก่อนที่พระนางซูสีไทเฮาจะสิ้นพระชนม์เพียง 1 วัน

🔸การสวรรคตของพระองค์ยังเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ มีนักประวัติศาสตร์หลายท่านพยายามตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับการสวรรคตของพระองค์ แต่ยังไม่มีนักประวัติศาสตร์ท่านใดเลยที่สามารถอธิบายเกี่ยวกับการสวรรคตของพระองค์ได้อย่างชัดเจน

🔹 มีบางทฤษฎีก็ว่าพระองค์โดนวางยาพิษจากซูสีไทเฮาในขณะที่พระนางประชวรอย่างหนัก เพราะเกรงว่าพระจักรพรรดิจะมาดำเนินการปฏิรูปต่อหลังจากที่พระนางสิ้นพระชนม์
🔹และต้องการขัดขวางสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งที่พระองค์จะถูกวางยาพิษจากขุนพล หยวน ซื่อไข่ ซึ่งถ้าเผื่อพระจักรพรรดิขึ้นมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่งคงจะต้องลงโทษตนอย่างแน่นอน

🔹แต่ก็ไม่มีหลักฐานเป็นที่ยืนยันว่าทั้งสองอย่างนั้นจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดเนื่องจาก หลี่ เหลียนอิง ขันทีของพระนางซูสีไทเฮาซึ่งเป็นผู้ที่รู้เห็นกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกสังหารไปเสียก่อน

🔹ในรายงานของแพทย์หลวงลงความเห็นในการสวรรคตของพระองค์ว่าเป็นการสวรรคตตามธรรมชาติ เพราะพระองค์มีพระอาการประชวรมาเป็นเวลานาน และในรายงานของแพทย์หลวงก็ยังมีอีกต่อไปว่าพระองค์มีพระอาการทรุดหนักลงหลายวันแล้วก่อนที่พระองค์จะสวรรคต

🔹แต่พระอาการประชวรของพระองค์อาจจะมาจากสาเหตุการถูกวางยาพิษในลักษณะที่ไม่ทำให้พระองค์สวรรคตในทันทีก็ได้ และเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 นักนิติวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองหาความสัมพันธ์ของสารหนูในพระวรกายของสมด็จพระจักรพรรดิกวังซฺวี่ ซึ่งผลจากการทดสอบได้ว่าพระองค์มีสารหนูอยู่ในพระวรกายมากกว่าคนปกติหลายร้อย เท่า
🔹หนังสือพิมพ์ ไชน่าเดลี่ ได้กล่าวอ้างคำของนักประวัติศาสตร์ "ไต้ยี่" ซึ่งได้คาดว่าพระนางซูสีไทเฮาจะต้องรู้เรื่องการสวรรคตของพระจักรพรรดิอย่างแน่นอน พระนางกลัวว่าพระจักรพรรดิจะมาดำเนินการปฏิรูปต่อหลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้วนั้นเอง

🐉มุมมองด้านประวัติศาสตร์🐉

🔸ในปี ค.ศ.1912 ดร.ซุน ยัดเซ็น ได้กล่าวยกย่องสมเด็จพระจักรพรรดิกวังซฺวี่ จากการปฏิรูปการศึกษาของพระองค์ ซึ่งได้ยิมยอมและสนับสนุนที่จะให้ชาวจีนเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตก

🔸 ภายหลังจากการสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน นักประวัติศาสตร์ ฟาน เวิ่นหลัน (范文澜) ได้กล่าวถึงจักรพรรดิกวังซฺวี่ว่า "เป็นชาวแมนจูชั้นสูงผู้ยอมรับแนวคิดของชาวตะวันตก"

🔸นักประวัติศาสตร์บางคนคิดว่า พระองค์ทรงเป็นผู้นำของประเทศจีนคนแรกที่มีพระบรมราโชบายในทางที่ทันสมัยและเป็นทุนนิยม และพระองค์เองก็ยังเป็นจักรพรรดิที่มีพระราชอำนาจน้อยที่สุดนับตั้งแต่สถาปนาราชวงศ์ชิงมา
🔸และพระองค์ยังเป็นจักรพรรดิเพียงพระองค์เดียวที่ถูกคุมขังอีกด้วยในระหว่างรัชสมัยของพระองค์

#jarnmooChannel
#มหากาพย์ราชวงศ์ชิง

เนื้อหาโดย: jarnmoochannel
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
jarnmoochannel's profile


โพสท์โดย: jarnmoochannel
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เด็กชายแบกร่างไร้วิญญาณของน้อง เรื่องสุดเศร้า ใน นางาซากิผังเมืองบาร์เซโลน่า: ความทึ่งในระเบียบที่สมบูรณ์แบบปิดตำนาน เจ้าของบทเพลงดังอันลือลั่น #ผู้ใหญ่ลีประธานใหญ่ยามาฮ่าถูกลูกสาวแทงด้วยมีดชาวบ้านอาหารเป็นพิษนับร้อย หลังกินอาหารบริจาคช่วยน้ำท่วม ที่เมียนมา
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สื่อมาเลเซียรายงาน ขอแสดงความยินดีกับประเทศไทย!บริษัทกลับลำ ต่อสัญญา ‘หนุ่มไม่ผ่านโปร’ แต่ห้ามพูดอีสาน ในที่ทำงานรีวิวหนังดัง LOGAN โลแกน เดอะวูลฟ์เวอรีนคนอินเดียแห่แชร์ประสบการณ์ ถูกเหยียดในเกาหลีใต้ จนหลายคนเลิกตามกระแส K-popประโยชน์ว่านหางจระเข้ บำรุงผิวพรรณเด็กญี่ปุ่นในจีนถูกแทงดับ ระหว่างเดินทางไปโรงเรียน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เมืองที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีที่สุดในโลกพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงดำรงตำแหน่งประมุขของรัฐในหลายดินแดนทั่วโลกซุ้มประตูหยุนไถ ในสมัยราชวงศ์หยวน อายุกว่า 700 ปี“จงเป็นเธอในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด”
ตั้งกระทู้ใหม่