รอยแผลจากตะปู
สวัสดีครับ ในกระทู้นี้ขอนำบทความที่อ่านแล้วประทับใจมาแบ่งปันกันนะครับ
เกริ่นนำ มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก
พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขาถุงหนึ่งและบอกกับเขาว่า
"ทุกครั้งที่ลูกรู้สึกโมโหหรือโกรธใครสักคน ให้ตอกตะปู ๑ ตัวเข้าไปที่รั้วหลังบ้าน"
วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเขาไปที่รั้วหลังบ้านถึง ๓๗ ตัว
และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไปอย่างน้อยที่สุด
เขาได้รู้ว่าสิ่งที่พ่อกำลังพยายามบอกกับเขา
ก็คือการรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบ
ซึ่งง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะและแล้วหลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น
ใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบพ่อและบอกกับพ่อว่าเขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็น
พ่อยิ้มและบอกกับลูกชายว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ลูกต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้ โดยทุกๆ ครั้งที่ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองได้ ให้ลูกถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้านทีละ ๑ ตัว"
วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ ถอนตะปูออกทีละตัว จาก ๑ เป็น ๒ จาก ๒ เป็น ๓
จนในที่สุด ตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกมา
เด็กน้อยดีใจมาก รีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า "ผมทำได้.. ในที่สุดผมก็ทำจนสำเร็จ!!"
พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือของเด็กน้อยออกไปที่รั้วหลังบ้าน
และบอกกับเขาว่า "ทำได้ดีมากลูกพ่อ และลูกลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ
เห็นไหมว่ามันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็น
จำไว้นะลูก เมื่อใดก็ตามที่ลูกทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์
สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผลเหมือนกับการเอามี ดที่แหลมคมไปแ ท งใครสักคน
ต่อให้พูดคำขอโทษสักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด
ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ ฉันใดก็ฉันนั้น"
สรุป ในบางครั้ง เราอาจจะพูดอะไรโดยที่เราไม่ทันได้คิด แต่สำหรับคนฟังนั้น เมื่อถูกคำพูดร้ายย่อมจำคำพูดของผู้พูดได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ดั่งวลีว่า 'คนพูดไม่เคยจํา คนฟังไม่เคยลืม' เพราะงั้นแล้ว ขอให้เราทำการคิดถึงคำพูดของเราก่อนนะครับ เพื่อไม่เป็นการทำร้ายจิตใจของคนฟังครับ ลองนำมาปรับใช้กันดูนะครับ
หากซ้ำขออภัยครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ แล้วพบกันกระทู้หน้าครับ
อ้างอิงจาก: บทความทั่วไป