เรื่องสั้นหลอนหักมุม ตอน เกมผีวิญญาณเฮี้ยน
เกมผีวิญญาณเฮี้ยน
เช้าอันสดใสของวันใหม่เสียงนกร้องบนต้นไม้เป็นสัญญาณบอกให้รู้ถึงสิ่งดีๆ ที่กำลังจะตามมา ฉันชื่อยูริเพิ่งเด็กสาวจากต่างจังหวัดที่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนในรั้วมหาลัยครั้งแรก หลังจากที่พยายามอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อสอบให้ติดที่นี่ เพราะมันคือความฝันของฉันแม้พ่อแม่จะไม่เห็นด้วยที่ลูกสาวจะมาเรียนห่างไกลขนาดนี้ แต่ด้วยความขยันและไม่เคยออกนอกลู่นอกทางสุดท้ายท่านก็ยอมให้ชั้นย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่มีข้อแม้ว่าฉันต้องอยู่กับลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อมิกิที่จะย้ายมาเรียนที่นี่เหมือนกัน แม้เราจะไม่ค่อยถูกขี้หน้ากันแต่เพื่อเป้าหมายที่อยากมีอิสระเราสองคนจึงยอมทิ้งความไม่ชอบขี้หน้ากันและกัน
“นี่ที่หรอ” มิกิดูไม่ค่อยชอบอพาร์ทเม้นท์ที่เราย้ายมาจนแสดงออกทางสีหน้า แต่ทำไงได้ในเมื่อเราไม่มีที่จะพักให้เลือกมากนัก ยิ่งห้องพักที่ใกล้มหาลัยราคายิ่งแพง ที่นี่เป็นที่เดียวที่ราคาเหมาะสำหรับพวกเราแม้ชั้นเองจะไม่ชอบก็เถอะ
เราทั้งคู่ช่วยกันยกของขึ้นมาบนห้องหมายเลข 44 บนชั้น 2 ห้องริมสุด โดยมีคุณลุงที่ดูแลอพาร์ทเม้นท์พาขึ้นมา
“ที่นี่ดูเงียบสงบดีนะคะ” ชั้นพยายามตีสนิทหาเรื่องคุยกับคุณลุงแก
“อืม” ลุงแกตอบก่อนจะเดินจากไปพร้อมเสียงกรุ้งกริ้งของกุญแจที่กระทบกันตามเสียงเดิน
ภายในห้องนั้นเป็นห้องขนาดกลางที่มีเตียงนอนกับตู้ที่ถูกส่งมาก่อนอยู่แล้ว ชั้นกับมิกิจัดแจงเก็บของในส่วนของตัวเอง เพราะถึงเราจะไม่พูดกันในเรื่องการแบ่งเขตแต่เราทั้งคู่ก็รู้กันเอง
“เอ๋” ในลิ้นชักที่มาพร้อมกับตู้ใส่เสื้อผ้าของฉันมีเครื่องเกมสีแดงดูเก่าๆ อยู่ในนั้นพร้อมสายชาร์จ แม้ฉันจะไม่เคยเล่นเกมแต่ก็พอรู้มาจากน้องชายว่านี่คือเครื่องเกมที่ชื่อว่าทรีดีเอส มันคือเครื่องเกมสองจอที่ให้ภาพแบบสามมิติ และความพิเศษของเครื่องเกมนี้คือกล้องที่สามารถถ่ายรูปด้วยกล้องด้านหน้าและหลังได้ แต่ด้วยความเหนื่อยจากการเดินทางชั้นจึงไม่สนใจหรือจะถามที่บ้านว่าเครื่องเกมนี้มาได้อย่างไร
วันเวลาผ่านไปนานจนชั้นลืมไปแล้วว่ามีเครื่องเกมนี้อยู่ จนวันหนึ่งทัคคุงคนที่ชั้นแอบชอบมานานได้มาที่ห้องเพื่อมาทำรายงาน ช่วงเวลานี้มันควรจะเป็นเวลาของฉันที่มีความสุขซิ แต่ทำไมเราสามคนต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกันด้วย ชั้นมองมาทางมิกิที่ดูท่าทางยัยนั่นก็ชอบทัคคุงเหมือนกัน
“เธอมีเครื่องเกมทรีดีเอสด้วยหรอ” ทัคคุพูดขึ้นมาเมื่อเราทำรายงานเสร็จในช่วงเย็น
“ของใครก็ไม่รู้ น่าจะเสียแล้วมั้ง” ฉันตอบระหว่างที่ยัยมิกิจ้องฉันตาเขียว
“Tamashī kyūban gēmu” ทัคคุงอ่านชื่อเกมภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่อง ก่อนที่เขาจะลองเปิดเครื่อง “ติดด้วย” ทัคคุงหันมายิ้มกับฉัน ก่อนที่เขาจะใช้โทรศัพท์กดค้นหาชื่อเกมนี้ในอินเตอร์เน็ต “มันคือเกมถ่ายวิญญาณ เราต้องถ่ายหน้าใครสักคนเพื่อให้มาเป็นผี แล้วเราจะได้สู้กับผีตัวนั้นผ่านกล้องในเกม” ทัคคุอ่านรายละเอียดเกมให้ฉันฟัง
“น่าสนใจดีจัง ลองถ่ายยูริดูไหม” มิกิรีบพูดขึ้น ยัยนี่อยากให้ฉันเป็นผีรึไง
“จะดีหรอเอาคนรู้จักมาเป็นผี เอาคนอื่นดีว่า นี่เลยเอาดาราคนนี้” ทัคคุงเลือกดาราชายชื่อฮาระในหนังสือมาเป็นผี “ได้สู้กับผีฮาระด้วย” ทัคคุงถ่ายหันเกมไปมาเพื่อถ่ายสู้กับผีอย่างสนุก
“ไหนๆ ทัคคุงขอเล่นบ้าง” มิกิเสนอตัวมารีบเล่นเพื่อพยายามตีสนิทกับทัคคุง จนฉันเริ่มทนไม่ไหวกับท่าทางของเธอที่พยายามจะใกล้ชิดทัคคุง
“ไหนๆ ขอเล่นบ้าง” ชั้นแกล้งเข้าไปแย่งเกมมาจากมิกิและจงใจถ่ายรูปมิกิให้เป็นผี “อุ๊ย ชั้นขอโทษไม่ได้ตั้งใจ” มิกิมองฉันอย่างรู้ทันก่อนที่เราทั้งสามคนจะเล่นกันจนแบตเตอรี่เกมหมด เราจึงเลิกเล่นและทัคคุงก็เดินทางกลับบ้าน
รุ่งขึ้นระหว่างที่ฉันเดินทางไปมหาลัยขณะที่มิกิยังนอนอยู่ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เมื่อวานฉันจึงไม่ปลุกยายนั่นปล่อยให้นอนตื่นสายไป จนเมื่อมาถึงมหาลัยทัคคุงก็รีบวิ่งมาหาฉันด้วยหน้าตาแตกตื่น “ยูริดูนี่ซิ” ทัคคุงให้ฉันดูข่าวดาราที่ชื่อฮาระแขวนคอตายในห้องพักเมื่อตอนเช้ามืดวันนี้
เราทั้งสองมองหน้ากันเมื่ออ่านข่าวก่อนจะหัวเราะออกมา “บังเอิญเนอะๆ” ชั้นบอกกับทัคคุงที่ก็ยิ้มออกมา คงจะมีแต่เรื่องในการ์ตูนญี่ปุ่นเท่านั้นละที่พอถ่ายรูปใครแล้วคนนั้นจะตาย
การเรียนวันนั้นผ่านไปอย่างเรียบง่ายจนมีโทรศัพท์ดังขึ้นมา “ฮาโหล ว่าไงนะ” ฉันรีบไปที่ห้องของตัวเองทันที เมื่อไปถึงก็พบหน่วยกู้ภัยกำลังเอาร่างมิกิที่กระโดดหน้าต่างห้องพักจนคอหักตายขึ้นรถ สาเหตุการเสียชีวิตที่ตำรวจบอกคือการฆ่าตัวตาย
ฉันที่ตกใจกับเรื่องนี้จนทำอะไรไม่ถูก ขณะที่ทางพ่อแม่ก็รีบมาหาชั้นพร้อมกับรับศพมิกิไปทำพิธีที่บ้าน ในใจฉันไม่เคยมีเรื่องเกมนั่นอยู่ในหัวเลย จนงานศพผ่านไปฉันจึงมาเรียนตามปกติ แน่นอนว่าฉันย้ายที่อยู่เรียบร้อย และภาพของมิกิที่คอหักจ้องมาทางฉันยังคงติดตาอยู้จนถึงตอนนี้
“ยูริ” ทัคคุงมาเดินมาหาฉัน “เกมนั่นยังอยู่กับเธอไม๊” แทนที่จะแสดงความเสียใจทักคุงกับถามแค่เกม
“อยู่มั้งทำไมหรอ” ฉันถามกลับแต่เขาแค่ยิ้ม “พอดีฉันอยากซื้อต่อเครื่องนั้นจากเธอ” ทัคคุงบอก ฉันที่ลืมเรื่องเกมนั้นไปแล้ว และเมื่อทัคคุงพูดถึงก็ทำให้ฉันคิดถึงภาพมิกิที่เป็นผีที่เราเล่นกันวันนั้นก็พุดขึ้นมาในหัว จนฉันอยากจะเอาเกมนี้ไปทิ้ง แต่โชคดีที่ทัคคุงมาขอซื้อไป
ชั้นรู้สึกแย่มากๆ หลังจากที่มิกิเสียไป แม้เราจะไม่ถูกกันแต่อย่างน้อยเราก็เป็นญาติกัน หลังจากวันนั้นก็มีข่าวการฆ่าตัวตายของเหล่านักการเมืองหลายคน นอกจากนี้ก็มีเหล่าดาราหรือคนที่ทำผิดหนีคดีไปจนถึงคนร้ายในคดีต่างๆ ที่ออกทีวีต่างฆ่าตัวตายในเวลาไล่เลี่ยกัน จนหลายคนต่างพูดว่าต้องมีเดธโน๊ตอยู่แน่ๆ จึงทำให้มีคนจัดตั้งกลุ่มท่านคิระขึ้นมาบนอินเตอร์เน็ตเพื่อเสนอให้มีคนตาย ซึ่งคนที่ถูกกลุ่มนั้นเสนอก็จะมีคนตายจนกลายเป็นข่าวใหญ่โตว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนนักเขียนการ์ตูนเดธโน้ตต้องออกมาพูดว่ามันคือเรื่องแต่ง และมันคือเรื่องบังเอิญที่มีคนตายทั่วโลกจากการฆ่าตัวตายแต่ที่ประเทศไทยมีเยอะสุด
“ยูริ” ฉันที่จิตตกเรื่องมิกิเป็นทุนเดิมอยู่อยู่แล้วจึงไม่ได้ติดต่อกับทัคคุงอีก จนวันนี้ทักคุงมาทักฉันท่าทางของเขาดูผอมโซขอบตาดำเหมือนคนอดนอน
“ไปทำอะไรมา” ฉันถามทักคุงด้วยความเป็นห่วง
ทักคุงยิ้มก่อนจะส่งเกมมาให้ชั้น “ช่วยถ่ายรูปฉันในเกมให้หน่อย” ทักคุงส่งเกมที่เปิดหน้าถ่ายรูปมาให้ฉัน
“โอเค” ชั้นรับเกมมาถ่ายด้วยความงุนงงสงสัย
“ขอบใจ” ทักทุกคุรับเกมมา แต่ก่อนที่จะส่งเครื่องเกมให้ฉันก็เห็นในรูปมีวิญญาณหลายร้อยดวงอยู่รอบๆ ทักคุงหนึ่งในนั้นมีหน้าของมิกิอยู่ในนั้น หลังจากวันนั้นข่าวการฆ่าตัวตายของคนมีชื่อเสียงก็หาย พร้อมกับทัคคุงที่แม้แต่ตำรวจก็ตามตัวไม่เจอจนถึงวันนี้
และวันหนึ่งเมื่อฉันกลับมาถึงห้องพักก็เห็นเครื่องเกมนั้นอยู่หน้าห้อง พร้อมกับข้อความที่เขียนว่าเล่นเกม เมื่อเปิดเกมมาก็เห็นทักคุงเป็นผีอยู่ในนั้น เขามีท่าทางหวาดกลัวขณะที่ผีตัวอื่นๆ ในเกมกำลังไล่ล่าเขา มีแต่เพียงผีมิกิตัวเดียวที่จะมาทำร้ายชั้นด้วยความแค้น.....