เรื่องหลอน วันที่คนตายกลับบ้าน
คุณเชื่อเรื่องราวหลังความตายไม๊ ประมาณว่าคนที่ตายแล้วจะไปอยู่ในภพภูมิอื่นที่ต่างจากคนปกติที่ไม่ใช่ทั้งสวรรค์หรือนรก แต่มันคือดินแดนที่ว่างเปล่าเหมือนที่เราหลับฝันแต่ไม่ได้สติ และเราจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาพบคนที่รักอีกเลย หรืออาจจะมารู้สึกตัวอีกทีเราก็กลายเป็นทารกที่จะค่อย ๆ ลืมตัวตนในอดีตไปอย่างช้า ๆ เมื่อเติบโต ผมเชื่อแบบนั้น ไม่ซิผมอย่างน้อยผมก็เคยเชื่อแบบนั้นว่ามันเป็นจริง
เช้าอันสดใสเสียงนกร้องที่ด้านนอกห้องปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับฝัน ในความฝันนั้นผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนลอยอยู่ในอากาศ จนอยากจะอยู่ในฝันนั้นตลอดไป แต่แน่นอนละเราไม่มีทางนอนหลับได้ตลอดไป เพราะสุดท้ายเราก็ต้องตื่นจากความฝัน ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ก็ต้องสู้กันต่อไป ผมดูปฏิทินที่แขวนในห้องเมื่อลุกขึ้นมาจากที่นอน ลืมไปเลยว่าวันนี้คือวันฮาโลวีนวันที่คนตายจะกลับมาหาคนที่มีชีวิต และเราก็ต้องสวมชุดแต่งเป็นผีออกไปข้างนอก เพื่อจะให้คนที่ตายไปแล้วไม่รู้สึกแปลกแยก ซึ่งตลอดทั้งวันตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงเที่ยงคืนเราจะแต่งชุดผีกัน นั่นคือตำนานที่หมู่บ้านของเราทำกันมาตั้งแต่ผมยังเด็ก ซึ่งปีนี้ผมเลือกที่จะแต่งเป็นกัปปะ ปีศาจน้ำหัวล้านตัวสีเขียวที่มีกระดองเหมือนเต่า มันคือผีตัวโปรดของผมที่เรียกว่าแต่งทุกปีจนหลายคนรู้เลยว่าปีนี้พวกเขาก็คงได้เห็นกัปปะอีกอย่างแน่นอน
“ไงพวก” ผมทักทายเพื่อนที่เดินออกมาในชุดเก่าๆ โทรมๆ ที่น่าจะเลือกแต่งเป็นผีซอมบี้อย่างแน่นอน ขณะที่อีกคนก็แต่งเป็นแม่มดที่ความเก่าของพวกนี้ดูแล้วสมจริงแบบสุดๆ
“ไง ปีนี้ก็เป็นกัปปะอีกแล้วนะ” ซอมบี้แมนคนนั้นทักทายผมกลับ
“มันแน่นอยู่แล้ว” ผมตอบกลับด้วยความมั่นใจ
“วันนี้นายจะไปไหน” แม่มดถามผม
“ก็ว่าจะไปหาแฟนเรานัดกันไว้แล้วว่าชั้นจะแต่งเป็นกัปปะ ส่วนฮิมาริจะแต่งเป็นยูกิอนนะ(ผีสาวหิมะ) เธอซื้อแป้งทาหน้ามาเยอะเลยกะว่าจะทาทั้งหน้าทั้งแขนให้ขาว นึกแล้วยังขำอยู่เลยตอนที่ยัยนั่นทาหน้าขาวๆ ให้ดู” ผมนึกถึงฮิมาริจังแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมต้น จนมาตกลงเป็นแฟนในช่วงขึ้นมัธยมปลาย เมื่อเรียนจบเราก็จะไปจากหมู่บ้านนี้เพื่อเข้าไปเรียนในเมือง
“ดีจังเลย” แม่มดสาวยิ้มก่อนที่พวกเราสามคนต่างแยกทางกันไป
ผมที่มีความสุขก็เดินร้องเพลงไปทั้งที่สวมชุดกัปปะ “หวัดดีน้องหมา” ผมทักทายน้องหมาที่กระดิกหางให้ผม “หวัดดีครับคุณลุง” ผมทักทายคุณลุงที่นั่งพยักหน้าตอบผม
“ไงไอ้ตัวแสบ ว่าแล้วแกต้องแต่งตัวเป็นกัปปะ แต่งแบบนี้ทุกปีไม่เบื่อหรือไงว่ะ” และในระหว่างที่ผมกำลังเดินไปบ้านของฮิมาริจัง ผมก็เจอกับอุนากิคุงพี่ชายของฮิมาริดักรออยู่ หมอนี่แก่กว่าผมสามปีทั้งที่เรียนจบมัธยมปลายไปแล้วแต่ก็ไม่ยอมไปเรียนต่อหรือหางานทำ แต่เลือกเป็นนักเลงในหมู่บ้านที่พอไม่มีใครอยากยุ่งด้วยก็เลยมาหาเรื่องผมที่มาชอบน้องสาวเขา
“เรื่องเมื่อวันก่อนขอโทษด้วยแล้วกัน” อุนากิที่สวมชุดเทนกุปีศาจหน้าสีแดงจมูกยาวมีปีก ที่เป็นผีซึ่งเหมาะกับนิสัยของหมอนี่สุดๆ
“เมื่อวานแกทำเอาไว้แสบมากๆ ชั้นงี้อายจนแทบไม่อยากถอดหน้ากากวันนี้เลยเพราะสิ่งที่แกทำกับชั้น” อุนากิยืนหน้าที่มีจมูกยาวๆ มาชนปากกัปปะของผม
“ก็เมื่อวานนายหาเรื่องชั้นเอง อีกอย่างนายก็สะดุดขาตัวเองตอนวิ่งมาต่อยชั้น จนนายหัวทิ่มตกสะพานไปพร้อมกับชั้นเอง ชั้นเปล่าทำอะไรนะ” ผมรีบแก้ตัวเพราะคนที่น่าจะอายด้วยน่าจะเป็นผมที่ตกสะพานไปพร้อมกับอุนากิ
“แต่แกก็เป็นต้นเหตุอยู่ดี เพราะชั้นว่ายน้ำไม่เป็นจนแสดงท่าทางน่าอายออกมา ส่วนแกว่ายน้ำชิวๆ หน้าตาเฉย แกรู้ไม๊ว่าทุกคนที่ยืนดูหัวเราะชั้นขนาดไหน แม้แต่แกก็ยังหัวเราะจำได้ไม๊ วันนี้ชั้นจะจับแกโยนน้ำอีกครั้งให้สมกับเป็นกัปปะเลยคอยดู” อุนากิตะโกนเสียงดังก่อนที่ผมจะใส่ตีนผีกัปปะวิ่งแบบไม่คิดชีวิต เพราะผมไม่มีทางเอาชนะคนอย่างอุนากิได้อยู่แล้ว และถึงทำได้การอัดพี่สาวของแฟนตัวเองมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีผมวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตผ่านผู้คนที่แต่งชุดผีโดยที่มีอุนากิไล่ตาม ซึ่งทุกคนที่นี่ต่างก็ยืนมองและขำกันไม่มีใครคิดมาช่วยผมเลย
"แม่คะๆ เทนกุกำลังไล่กัปปะอีกแล้ว” เด็กน้อยในชุดผีฮานาโกะที่เปื้อนเลือดบอกกับแม่ที่สวมหน้ากากเป็นผีไร้หน้าที่กำลังขำสิ่งที่เห็น
ผมวิ่งแบบไม่คิดชีวิตจนมาแอบที่บ้านของคุณฮารีตะ ที่ตอนนี้ก็มีคุณลุงคนนึงที่ผมไม่รู้จักนั่งยิ้มมาทางผม “ขอหลบหน่อยนะครับ พอดีถูกเทนกุไล่มา” ผมหอบไปพูดไป ขณะนั้นเองสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่อคุณลุงฮาริตะเดินออกมาจากในบ้าน ตอนนี้เขาสวมชุดคนตายสีขาว ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผมตกใจสุดขีดก็คือคุณฮานาตะแกเสียไปเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ตอนนี้แกมานั่งอยู่ที่หน้าบ้านคู่กับคุณลุงคนนั้น
“ไงเจ้ากัปปะทานากะ” คุณลุงฮาริตะยิ้มทักผม
“คุณลุงตะตายไปแล้ว” ผมตกใจอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อตำนานที่ว่าคนตายจะกลับมาหาญาติๆ มันคือเรื่องจริง
“ใช่ชั้นตายไปแล้วญาติๆ เองก็บอกชั้นแบบนั้น แต่จู่ๆ ชั้นก็ฟื้นขึ้นมาได้เจอลูกหลานอีกครั้ง พวกเขาว่าชั้นจะตื่นได้หนึ่งวันในทุกปี ทุกคนเลยมารอชั้นที่นี่ ส่วนยายแก่นั่นดันถูกเผาไปก่อนเลยไม่ได้กลับมาน่าเสียดายจริงๆ “ คุณลุงฮาริตะพูดยิ้มๆ กับผม
“ทานากะคุงฮิมาริจังเขาถามหาอยู่เมื่อกี้ นายน่าจะรีบไปหาเธอนะ อย่าให้เธอรอนาน” คุณลุงที่ผมไม่รู้จักที่นั่งข้างๆ ลุงฮาริตะพูดยิ้มๆ กับผม
“งั้นขอตัวก่อนนะครับ” ผมโค้งคำนับคุณตาทั้งสองคนก่อนจะรีบวิ่งออกไป
ระหว่างทางไปบ้านฮิมาริจังผมก็ได้เห็นเหล่าคนที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วกำลังเดินไปมากับลูกหลาน ซึ่งผมที่เป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่กับหลวงพ่อที่วัดรับมาเลี้ยง พอท่านเสียผมก็ไม่ได้สืบทอดกิจการต่อจากท่าน แต่ทางหมู่บ้านก็ยังคงให้ผมอาศัยอยู่ได้จนกว่าผมจะย้ายออกไปเอง และถ้าเจ้าอาวาสคนใหม่มาประจำผมก็ต้องช่วยท่านในงานพิธีต่างๆ ซึ่งผมก็มีรายได้จากการช่วยท่านในการสวดในงานเหล่านั้น และท่านเจ้าอาวาสก็เผาไปแล้วผมจึงไม่มีญาติมาหาหรือต้องไปหาใคร แต่ปีนี้มันแปลกออกไปเพราะดันมีคนที่ตายไปแล้วจริงๆ ออกมาเดินด้วย ทั้งที่ปีก่อนก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรแบบนี้เลย
“เมี้ยว” ระหว่างเดินก็มีเสียงแมวที่มาคลอเคลียร์ขาผม มันคือแมวตัวเมียสีขาวลายทางสลับขาวร้องเรียกผม
“อยู่ที่เองตามหาตั้งนาน จี้มานี่เร็ว” แมวน้อยวิ่งมาหาชายสวมหน้ากากการ์ตูนแมวสีฟ้าจากอนาคต “คิดถึงแกจังเลยนังแมว” เสียงชายหนุ่มที่สวมหน้ากากลูบแมวตัวนั้นในอ้อมแขนก่อนจะเดินจากไป
“ไม่ใช่แค่คนที่ตายไปแล้วหรอกนะที่กลับมา แม้แต่สัตว์เลี้ยงที่ถ้าไม่เผาก็จะกลับมาเหมือนกัน” เสียงหญิงแก่ที่มากับเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวเป็นผีร่มพูดกับผม ระหว่างที่พวกเรากำลังยืนดูชายคนนั้นเล่นกับแมวตัวเอง
“นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นครับคุณยาย ทำไมจู่ๆ คนตายก็ลุกขึ้นมาแบบนี้” ผมถามยายด้วยความแปลกใจ ขณะที่ยายส่ายหน้า “ไม่รู้ว่ามันเกิดมาได้ยังไง จู่ๆ คนที่ตายไปแล้วก็ลุกขึ้นมาหาญาติๆ แรกๆ เราก็ตกใจกลัวกัน แต่พอรู้ว่าเป็นคนที่เรารักก็เลยหายกลัวและดีใจขึ้นมาแทน” ยายแก่ที่ไม่ได้แต่งชุดผีพูดกับผม “อ้อเกือบลืมเมื่อกี้ฮิมาริจังถามหาเธออยู่” ยายแก่บอกกับผม
“พี่ชายๆ เดี๋ยวหนูจะไปล่อพี่เท็นกุคนนั้นให้เองพี่ชายจะได้ไปหาพี่ฮิมาริจังได้” เด็กน้อยในชุดผีร่มพูดเสียงเล็กใสกับผม “นั่นไงพี่ไปแอบตรงนั้นเดี๋ยวหูกับยายจะจัดการเอง” ผมรีบวิ่งมาแอบที่หลังต้นไม้ใหญ่ ขณะที่อุนากิวิ่งผ่านมา
“นี่แกสองคนเห็นเห็นกัปปะวิ่งมาไม๊” อุนากิตะโกนถามสองยายหลานเสียงดังด้วยความโมโห
“อ๋อหนูเห็นวิ่งไปทางศาลเจ้าเมื่อกี้” ผีร่มบอกกับอุนากิ “ขอบใจอีหนูผีร่ม คราวนี้ชั้นจะอัดแกให้หมอบเลย” อุนากิพูดจบก็วิ่งจากไป ผมที่ออกมาจากที่ซ่อนก็ขอบใจทั้งสองคนก่อนจะโบกมือลาจากกัน
ผมที่ตอนนี้ไม่มีใครมากวนแล้วจึงรีบวิ่งไปที่บ้านของฮิมาริจังที่ตอนนี้เธอกำลังยืนรอผมอยู่
“ฮิมาริจัง” ผมจะโกนเรียกฮิมาริจังที่ทาหน้าขาวในชุดกิโมโนสีขาวเหมือนผีสาวหิมะที่เราตกลงกันไว้ “รอนานไม๊พอดีชั้นหนีพี่ชายเธออยู่ หมอนั่นยังเคืองที่ตกสะพานไปพร้อมกับชั้นเมื่อวาน แถมได้ชั้นช่วยไว้เลยเสียหน้า วันนี้เลยมาเอาคืน” ผมรีบแก้ตัวที่มาสาย ขณะที่ฮิมาริจังก็ขำที่เห็นผมในสภาพกัปปะที่กำลังหอบ
“ปีนี้ก็ถูกไล่อีกแล้วไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ น๊า ทั้งพี่ชายทั้งทานากะคุงเนี้ย” เสียงหญิงแก่ดังขึ้นมาข้างหลังฮิมาริจัง “ไม่เจอกันนานเลยนะทานากะคุง ชั้นรอเธออยู่” หญิงแก่ในชุดกิโมโนสีขาวทาหน้าขาวเหมือนผีหิมะพูดกับผมด้วยรอยยิ้ม
“ฮิมาริจัง” ผมอุทานออกมาเมื่อเห็นแววตาของหญิงแก่คนนั้นที่เหมือนฮิมาริจังที่ผมรู้จักแต่แก่ตัวลงไปมาก
“สวัสดีค่ะคุณปู่ ปีนี้ก็เจอกันอีกแล้วนะคะยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ” หญิงสาวโค้งคำนับผม ขณะที่ผมโค้งคำนับตอบก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน จบ.....