เรื่องเล่าจากสงครามในประเทศพม่า
"เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทางผู้เขียนและเพื่อนร่วมงาน ได้มีโอกาสเข้าไปแจกสิ่งของบรรเทาทุกข์ ให้กับพี่น้องผู้หนีภัยการสู้รบ ระหว่างทหารพม่าและชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า" สำหรับพื้นที่ที่เราไปแจกของบรรเทาทุกข์นั้น เป็นพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า อยู่ติดริมแม่น้ำสาละวิน อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
เราออกเดินทางจากอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มุ่งหน้าสู่ทางทิศตะวันตก เดินทางโดยรถยนต์ขนของเต็มหลังรถยนต์ที่เราขับไป โดยระยะทางประมาณ 54 กิโลเมตรกับเวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงยังจุดหมายคือท่าเรือแม่สามแลบ ตั้งอยู่ที่บ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ใช่แล้วครับ นี่เป็นจุดที่จะต้องขนของจากรถยนต์นำขึ้นเรือโดยสาร จากคนขับเรือที่ชื่อ"จ๊อคือ คนที่เราไว้ใจที่สุดในย่านลำแม่น้ำสาละวิน
สิ่งของบบรเทาทุกข์ที่เรานำไปครั้งนี้ มีหลากหลายที่เราได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญ ที่อยากจะช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมที่มุนษย์พึงมีต่อเพื่อนร่วมโลก ที่ตกทุกข์ยากลำบาก หลังจากที่เราขนของลงเรือเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่เรือจะแล่นออกจากท่าเรือ มุ่งหน้าลงไปทางใต้ยังหมู่บ้านแซะแซะท่า รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า ซึ่งเป็นจุดนัดหมายของเรากับชาวบ้านที่ได้นัดแนะกันไว้
ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่แม่น้ำสาละวิน หนุนขึ้นสูงเพราะได้รับจำนวนมวลน้ำป่าที่ไหลผสมรวมกับลำน้ำเดิม ทำให้เวลาเรานั่งเรือรู้สึกใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เกรง ๆ ยังไงชอบกล เพราะน้ำไหลแรงและบางจุดเป็นน้ำวนแลดูน่ากลัวมาก แต่ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย การนั่งเรือครั้งนี้ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่บ้านหมายคือบ้านแซะแซะท่า รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า พอเรือเราจอดเทียบท่า คำทักทายแรกที่ชาวบ้านเจอเรา "หะเล่อแง่ แปลว่า สวัสดีตอนบ่าย" พวกเราถามว่า มารอนานหรือยัง ชาวบ้านบอกว่ามารอนานแล้ว เราเดินออกจากหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากที่บ้านแซะแซะท่านี้ใช้เวลาเดินเท้า 4-5ชั่วโมง นั่นก็หมายความว่าพวกเราเดินทางเท้าตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนที่จะมาเจอพวกเราที่นี่
พวกเขาเล่าว่า"ตอนกลางคืน จะนอนไม่หลับเพราะมีเครื่องบินของทหารพม่าบินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้า ช่วงนี้จริง ๆ แล้ว พวกเขาจะต้องปลูกข้าวไร่และข้าวนา รวมถึงพืชผักต่าง ๆ ในสวน แต่ด้วยสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารพม่าและชนกลุ่มน้อย ทำให้ต้องหนีจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอาศัยนอนอยู่ในป่าเป็นครอบครัว ๆ มีทั้งเด็กเล็ก คนแก่ โดยกลุ่มพ่อบ้านหรือชายชกรรจ์จะคอยดูแลและคุ้มกันให้อีกที พวกเขาบอกว่าดีใจมากที่ได้รับการสื่อสารจากอาสาสมัครบอกผ่านให้พวกเขามารับสิ่งของบรรเทาทุกข์ โดยเฉพาะข้าวสาร อาหารแห้งต่าง ๆ เขาบอกว่าตอนนี้พวกเขาลำบากมากๆ จะต้องย้ายไปที่ไหนอีก เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์การสู้รบจะจบเมื่อไร จะจบหรือไม่"
พวกเรารับฟังพวกเขาเล่าอย่างเศร้าใจ ได้แต่ปลอบและให้กำลังใจ เราได้ให้คำมั่นสัญญาว่า หากพวกเรามีสิ่งของบรรเทาทุกข์อีก เราจะพยายามหาเวลามานำมาส่งให้ ....เราไม่รู้ว่าในประเทศพม่าสงครามระหว่างทหารพม่ากับชนกลุ่มน้อยจะจบลงเมื่อไร แต่สิ่งที่รับรู้ได้ในตอนนี้คือชาวบ้านที่ประสบภัย หลายสิบคนต้องจบชีวิตลง หลายร้อยครอบครัวต้องหนีอลม่าน หลายหมู่บ้านต้องถูกทำลาย ตราบใดที่สงครามยังไม่สงบ ชีวิตของพวกเขาเหล่านี้คงเสมือนกับเรือที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทร....ได้แต่ภาวนาให้สงครามสงบในเร็ววัน
เนื้อหาโดย:LSalween2024 อ่านแล้ว อย่าลืมกดไลท์ กดแชร์ ให้กำลังใจด้วยนะครับ