แฟนดีดี I told Lakshmi Mata about him EP.3
"สุมะนะสะวันทิตสุนทริ มาธะวิ จันทฺระสะโหทะริ เหมะมะเย ฯ
มุนิคะณะมัณฑิตะโมกฺษะปฺระทายินิ มัญชุละภาษิณิ เวทะนุเต ๚
เวทะปุราเณติหาสะสุปูชิตะไวทิกะมารฺคะปฺระทรรศะยุเต ฯ
อัษฺฏะลักฺษฺมิ นมัสฺตุภฺยัม วระเทกามะรูปิณิ ฯ
วิษฺณุวักฺษัสฺถลารูเฒ ภักฺตะโมกฺษะปฺระทายินี ๚
ศังขะ จักฺระ คทาหัสฺเต วิศฺวะรูปิณิ เต ชยะ ฯ
ชะคันฺมาเตฺร จะ โมหินฺไย มังฺคะลัม ศุภมังฺคะลัมฺ ๚"
บทศรีอัษฏลักษมีสโตตรัม ถูกสาธยายออกมาด้วยน้ำเสียงที่สดใสตั้งแต่เช้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมื่อคืนคงมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับเจ้านายจนสองสาวแทบเก็บอาการความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่
พอถวายอารตีเสร็จทั้งป๊อปและตาลก็รีบปรี่เข้าไปประกบด้านหลัง ทำเอาโต๊ดสะดุ้งจนเกือบทำถาดอารตีหลุดมือ
"ยังไงคะยังไง"
"ยังไงอะไรของแกไอ้ตาล"
"ก็เมื่อคืน กับคุณก้อง มันเกิดอะไรขึ้นเอ่ย"
"ไม่มีอะไร ก็แค่กินข้าวกัน เสร็จแล้วเขาก็มาส่ง"
"ถ้าแค่กินข้าวกันเฉย ๆ แต่ทำไมชุดเขามาแขวนอยู่หลังร้านเราได้ล่ะ"
"แถมท่าทางก็ดูสดใสไม่เหมือนคนอกหักแล้วด้วยพี่ป๊อป"
"เฮ่อ!" โต๊ดถอนหายใจระอาในความขี้สงสัยของลูกน้องก่อนจะเล่าให้ทั้งคู่ฟังว่า
โต๊ดยืนตื่นเต้นทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าประตูห้องบานใหญ่ที่อยู่บนชั้นบนของโรงแรมหรูกลางกรุง ด้วยเขาเพิ่งเข้าใจความหมายที่คุณก้องพูดว่าบ้านผมอยู่ที่นี่ มันไม่ใช่แค่ห้องพักหนึ่งห้อง หรือเหมาห้องทั้งชั้น แต่ว่าเป็นทั้งตึกที่สูงสามสิบกว่าชั้นนี่เลยต่างหาก ถ้าหากเมื่อครู่พนักงานไม่ซุ่มซ่ามทำไวน์หกใส่คุณก้องเขาก็คงไม่รู้ว่าคุณก้องเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้รวมถึงร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้านั้นด้วย แถมเขายังได้เห็นความใจดีของคุณก้องที่ไม่ดุด่าหรือดูถูกพนักงานเลยสักนิด ด้วยยังเป็นพนักงานใหม่คุณก้องจึงเพียงอบรมมารยาทในการบริการและตักเตือนให้ระวังอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกค้าคนอื่น ๆ ซึ่งก็ทำให้โต๊ดประทับใจเอามาก ๆ เพราะการเป็นเจ้านายที่ดีไม่ใช่ว่าต้องโอ๋ลูกน้องจนเสียงาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจ้องแต่จะใช้อำนาจข่มแหงลูกน้องให้กลัว ลงโทษอย่างไร้เหตุผลหรือเกินดี คนทำงานด้วยกันมันจะต้องใช้ใจแลกใจแบบที่คุณก้องทำถึงจะถูก
"คุณโต๊ดเข้ามานั่งรอในห้องผมก่อนสิครับ"
โต๊ดยกยิ้มรับคำเชิญของเจ้าของห้องแล้วเดินผ่านคุณก้องตรงเข้าไปด้านใน พอเข้ามาถึงในห้องโต๊ดก็ถึงกับตาโตอ้าปากค้าง
เพนต์เฮาส์ของคุณก้องนั้นโอ่โถงราวกับบ้านสองชั้นหลังหนึ่งก็มิปาน การจัดสรรสัดส่วนของห้องก็เป็นระเบียบลงตัว การตกแต่งแบบมินิมอลเน้นใช้สีแนวเอิร์ธโทนแบบเรียบ ๆ ดูสบายตา แต่ก็ดูภูมิฐานด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูน้อยชิ้นที่จัดวางเข้ามุมเป็นระเบียบ
โต๊ดสอดส่องสายตามองไปจนรอบห้องด้วยความตะลึง ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้ตัวเองอยู่บนชั้นสามสิบกว่าของโรงแรม ด้วยบรรยากาศของห้องนั้นเหมือนกับบ้านบนพื้นดินไม่มีผิด
"คุณโต๊ดรอผมสักครู่นะครับ ผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อน ถ้าคุณโต๊ดง่วงจะนอนก่อนก็ได้นะครับเดี๋ยวผมปลุก"
"ครับ เอ่อ...คุณก้อง!"
"ครับ"
"เอ่อ ชุดคุณก้อง ถ้าเปลี่ยนแล้ว เดี๋ยวผมเอาไปซักให้ก็ได้ครับ ปล่อยเอาไว้มันจะซักออกยาก ถือว่าตอบแทนที่คุณก้องอุส่าห์พามาเลี้ยงก็ได้"
ก้องยกยิ้มแล้วตอบรับ "โอเคครับ"
ระหว่างที่เจ้าของห้องขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านบนโต๊ดก็ถือวิสาสะเดินสำรวจเพนต์เฮาส์หรูที่ไม่รู้ว่าชีวิตนี้เขาจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของหรือขึ้นมาดูอีกหรือเปล่า
ถึงจะบอกว่าโสดก็เถอะ แต่ทว่าภายในห้องนี้กลับดูเรียบร้อยเป็นระเบียบไม่มีข้าวของวางเกะกะ คนทำงานหนักขนาดนี้ถ้าไม่โกหกเรื่องไม่มีแฟน ก็คงจะจ้างแม่บ้านมาดูแลให้แน่ ๆ แต่พอมองเข้าไปยังห้องทำงานโต๊ดก็ถึงกับหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะถึงด้านนอกจะเป็นระเบียบเรียยแต่โต๊ะในห้องทำงานกลับเต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารที่วางระเกะระกะสมกับเป็นโต๊ะทำงานที่มีคนใช้งานอยู่ตลอดเวลา
เสียงฟ้าร้องครืน ๆ ด้านนอกทำให้โต๊ดสะดุ้งละความสนใจจากห้องทำงานเดินตรงไปหยุดยืนอยู่ที่ริมพนังห้องที่เป็นกระจกนิรภัยที่สามารุมองเห็นวิวด้านนอกได้ ซึ่งขณะนี้ด้านนอกได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้โด๊ตฉุกคิดเรื่องกลับบ้านขึ้นมา ถึงความต้องการลึก ๆ จะอยากอยู่ต่อและสถานการณ์ฝนตกตรงหน้าก็เป็นใจ ทว่าเหตุการณ์ที่เขาเพิ่งอกหักและคำเตือนของพี่ป๊อปมันย้ำเตือนให้เขาต้องกลับบ้าน ไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจให้คุณก้องในตอนนี้
"ฝนตกแบบนี้คุณโต๊ดจะกลับจริง ๆ เหรอครับ"
เสียงทุ้มนุ่มที่ดังมาจากด้านหลังทำเอาโต๊ดถึงกับสะดุ้ง พอหลุดจากภวังค์โต๊ดก็รีบหันขวับกลับไปมองเจ้าของห้อง แต่เขาก็ต้องชะงักค้างเมื่อหันกลับมาเป็นคุณก้องใส่เสื้อกล้ามเว้าแขนสีดำโชว์กล้ามแขนเป็นมัด ๆ กับกางเกงขาสั้นสีเทาเข้าชุดกัน ถึงมันจะเป็นชุดบ้าน ๆ สบาย ๆ ก็เถอะ แต่พอเป็นคุณก้องใส่มันกลับดูดีอย่างบอกไม่ถูก
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมทำคุณโต๊ดตกใจเหรอ"
"ป...เปล่าครับ เอ่อ พอดีผมคิดงานอยู่นิดหน่อยเลยใจลอยน่ะครับ ว...ว่าแต่เมื่อกี้คุณก้องว่ายังไงนะครับ"
"ฝนตกแบบนี้ ผมจะชวนคุณโต๊ดค้างที่บ้านผม คุณโต๊ดว่ายังไงครับ ข้างบนมันมีอยู่สองห้อง แต่ถ้าคุณโจ๊ดไม่สะดวกใจเดี๋ยวผมลงมานอนข้างล่างเองก็ได้"
"อ...เอ่อ ผ...ผมไม่รบกวนดีกว่า คือ...พอดีว่าพรุ่งนี้ผมมีนัดส่งชุดให้ลูกค้าแต่เช้าด้วย กลัวลูกน้องจะไม่รู้เรื่องน่ะครับ"
"เอาตามที่คุณโต๊ดสะดวกก็ได้ครับ กลับเลยไหมครับ เดี๋ยวผมไปส่ง"
"เอ่อ ผมเรียกรถกลับเองจะดีกว่าครับ ผมไม่อยากรบกวน"
"รบกวนอะไรล่ะครับ อีกอย่างผมพาคุณโต๊ดมา ผมก็ต้องพาไปส่งถึงจะถูก"
"ก็...ผมรบกวนคุณก้องด้วยนะครับ"
"งั้นเราไปกันครับ นี่ก็จะดึกมากแล้ว คุณโต๊ดจะได้พักผ่อน"
"ครับ เอ่อ นั่นถุงเสื้อผ้าคุณก้องใช่ไหม" โต๊ดมองไปยังถุงกระดาษในมือของอีกฝ่าย
"อ๋อครับ พอดีว่าจะเอาไปให้แม่บ้านซักน่ะครับ ผมไม่อยากกวนคุณโต๊ดเลย"
"ไม่รบกวนเลยครับ ผมเต็มใจ เรื่องกำจัดคราบบนชุดไว้ใจผมได้เลย"
"ถ้างั้นผมขอฝากด้วยแล้วกันนะครับ"
โต๊ดยกยิ้มเอื้อมมือรับถุงใส่ชุดของคุณก้องมาถือด้วยความเต็มใจก่อนจะเดินตามออกจากห้องไป
"เรื่องมันก็แบบนี้แหละ"
"ฟังรวม ๆ แล้วก็คือว่าปลื้มเขาว่างั้น"
"อืม!" โต๊ดแกล้งตอบน้ำเสียงประชดใส่ตาล "ก็ทั้งสุภาพ อ่อนโยน ให้เกียรติคนอื่น หล่อก็โคตรหล่อ เป็นใครก็ชอบปะ"
"แล้วพี่ชอบเขาปะ"
"ถามได้ ก็ชอบดิ"
"ว๊าย! แบบนี้จะรออะไรล่ะคะพี่สาว"
"ใจเย็นหนู ชอบมันก็ชอบอยู่หรอกนะ แต่พี่รู้แปลก ๆ ว่ะ"
"ยังไงอะ"
"ไม่รู้ดิ พี่รู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติ ทุกสิ่งที่เขาทำมันดู...ตั้งใจ จงใจ ไม่รู้ว่ะ ยิ่งเมื่อคืนตอนที่เขาขับรถมาส่ง ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรนะ พี่ก็นั่งดูวิวของพี่ไป เขาก็ชวนคุยไปตามเรื่องอะ แต่พี่กลับรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ ว่ะ"
"แล้วเขาคุยอะไรบ้างอะ"
"ก็ถามอายุ ถามว่าจบอะไร ทำไมถึงมาเปิดร้าน ก็ฟังดูเหมือนการถามเพื่อทำความรู้จักทั่วไปอะ เอาตรง ๆ นะ มันเหมือนว่าเขาจะจีบ แต่ก็ไม่ได้จีบ เลยรู้สึกแปลก ๆ ว่ะ"
"เอ้า! แล้วที่สดใสหน้าบานมาถวายอารตีแต่เช้านี่คือ"
โต๊ดถอนหายใจด้วยความระอาอีกรอบก่อนจะยกถาดอารตีมาวนตรงหน้าทั้งสองสาวอย่างลวก ๆ แล้วแต้มกุงกุมัมไปบนหน้าผากให้พี่ป๊อปและน้ำตาลก่อนจะเดินหนีเข้ามายังหลังร้าน
ไม่ใช่ว่าไม่อยากเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ทั้งสองคนฟัง แต่โต๊ดเองก็ยังสับสนจนลำดับความรู้สึกของตัวเองเมื่อคืนไม่ถูก ยิ่งนึกถึงไอ้สาเหตุที่ทำให้เขายิ้มหน้าบานโต๊ดเองก็ยิ่งหนักใจ
แสงสีส้มของไฟทางบนท้องถนนตกกระทบลงมาบนหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่บนกระจกรถตัดกับวิวของตึกสูงใจกลางกรุงเทพที่อยู่รายทางแถมยังมีคุณก้องนั่งอยู่ข้าง ๆ มันยิ่งทำให้โต๊ดรู้สึกว่าสิ่ง ๆ ต่างที่อยู่รายทางมันดูสวยกว่าทุก ๆ ที
"ผมอายุ 29 ที่บ้านส่งผมไปเรียนที่ฟลอริดาตั้งแต่ผมจบป.6"
โต๊ดรีบละความสนใจจากวิวข้างทางหันมามองคุณก้องตามน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นมาทำลายลรรยากาศเงียบงันบนรถ
"ผมเพิ่งกลับมาไทยเมื่อสี่ปีก่อนตอนที่คุณแม่ผมป่วย ใจจริงผมกะต่อโทแล้วทำงานใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ที่ผมชวนทุกคนไปเลี้ยงข้าว เพราะผมไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไทย ผมก็เลยอยากเป็นเพื่อนกับพนักงานของตัวเอง"
"ผมอายุ 26 กำลังจะ 27 ครับ จบสายธุรกิจคอม เอ่อ หมายถึงแผนการเรียนตอนม.ปลายน่ะครับ แล้วก็ต่อมหาวิทยาลัยMU คณะบริหารธุรกิจ"
"อ้าว ผมนึกว่าคุณโต๊ดจบสายแฟชั่นมาซะอีก"
"ถ้าเป็นร้านเสื้อผ้ามันเป็นของป้าผมครับ เปิดมาก่อนผมเกิดอีก ผมเป็นกำพร้า พ่อผมเป็นทหารอยู่ชายแดนถูกลอบวางระเบิดเสียชีวิต ส่วนแม่ผมพอรู้ข่าวเลยคลอดก่อนกำหนดแล้วตกเลือดเสียชีวิตวันเดียวกัน ผมได่ป้าพี่สาวของพ่อเลี้ยงมา ผมโตมาในร้านนี้เลยได้เรียนรู้จากป้ามาตั้งแต่เด็ก ๆ เมื่อสองปีก่อนคุณลุงผมเสีย คุณป้าผมทำใจไม่ได้เลยไปบวชชี ผมก็เลยต้องรับหน้าที่แทน"
"อ๋อ งั้นเราก็เหมือนกันเลยสิครับ ผมมารับหน้าที่แทนคุณพ่อ ส่วนคุณโต๊ดมารับหน้าที่แทนคุณป้า คุณโต๊ดก็เก่งเหมือนกันนะครับ ผมล่ะอยากได้คนเก่ง ๆ แบบคุณโต๊ดมาอยู่ข้าง ๆ จัง"
คำพูดชมเชยที่ฟังดูแล้วจะเหมือนการจีบ แต่มันกลับไม่มีคำว่าชอบ อยากจีบ หรือต้องการอยากจะคบหา ฟังดูราวกับจะลองชั้นหยั่งเชิงเสียมากกว่า หรือแม้แต่ที่ชวนไปกินข้าววันนี้ก็เหมือนกัน ทุกการกระทำของคุณก้องมันทำให้เขารู้สึกพิเศษ ทว่าคุณก้องก็ไม่ได้พูดหรือมีท่าทีที่ทำให้รู้สึกว่ามันคือการเดท ทุกอย่างคือการไปนั่งกินข้าวกับเพื่อนเท่านั้น ยิ่งมานึกถึงคำพูดของพี่ป๊อปกับน้ำตาลที่ว่าเพิ่งเจอกันก็ชวนมากินข้าวแล้ว มันยิ่งทำให้โต๊ดรู้สึกแปลกใจตงิด ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจว่าคุณก้องจะทำไปเพื่ออะไร ยังคงนั่งพูดคุยผลัดกันเล่าผลัดกันรับฟังมาตลอดทาง
รถยนตร์หรูจอดสนิทที่ร้านจอดรอหน้าร้านลักษมีบูติกเป็นครั้งสามของวัน ในขณะที่โต๊ดกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยเขาก็เห็นคุณก้องรีบลงจากรถเดินมาเปิดประตูให้
"ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับมื้อค่ำวันนี้"
"ด้วยความยินดีครับ ว่าแต่นี่คุณโต๊ดจะกลับบ้านหรือว่าจะอยู่ที่ร้านล่ะครับ แถวนี้ก็ดูเหมือนจะไม่มีรถแล้วให้ผมไปส่งไหม"
"ไปเป็นไร..."
"ไม่ต้อง!"
เสียงคุ้นหูตวาดดุดันดังมาจากด้านข้างของร้าน โต๊ดจึงรีบหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นไอ้ยักษ์จริง ๆ ที่เดินออกมาจากหลังร้านของเขา
"คุณโต๊ดขึ้นรถไปก่อนครับ"
โต๊ดที่โดนคุณก้องเอาตัวมาขวางแล้วดันให้รีบหนีขึ้นรถอย่างไม่ทันตั้งตัวยังไม่ได้บอกกล่าวว่านั่นคือพี่ชายของเขาก็พยายามขัดขืนแรงของคุณก้องแล้วรีบร้องบอก
"คุณก้องครับ นั่น..."
"มึงจะพาน้องกูไปไหน" แต่ยังไม่ทันพูดจบยักษ์ก็พูดจาหาเรื่องพลางเดินปรี่เข้าไปดึงเขาออกห่างจากคุณก้อง โต๊ดที่ถูกเหวี่ยงให้มาอยู่ด้านหลังก็รีบห้ามด้วยการดึงแขนเอาไว้
"ไอ้ยักษ์! นี่ลูกค้ากู"
"อ...อ้าว ลูกค้าเหรอ"
"เออ นี่คุณก้อง เขามาตัดชุดที่ร้าน เอ่อคุณก้องครับ นี่ยักษ์ พี่ชายผม"
"อ๋อ! ผมก้อง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณยักษ์"
"ขอบคุณนะคร้าบ ที่มาตัดชุดกับน้องผม"
แค่ได้ยินเสียงอ้อแอ้กับท่าทางยกมือไหว้ท่วมหัวโต๊ดก็ถึงกับกรอกตาด้วยความระเหี่ยใจ
"อย่าถือสาเลยนะครับ ท่าทางจะเมาแต่หัววันตามเคย"
"ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่พี่ชายคุณโต๊ดอยู่นี่แล้ว ผมก็หมดห่วง งั้น...ผมขอตัวก่อนนะครับ"
"ขอบคุณอีกครั้งนะครับ"
โต๊ดยืนประคองไอ้ยักษ์จนรถคุณก้องขับออกไปพ้นร้าน จังหวะที่เขาจะประคองไอ้ร่างยักษ์กลับเข้าร้าน จู่ ๆ คนเมาก็ยืนเต็มความสูงสะบัดแขนออกจากมือเขาแล้วเดินตรงกลับเข้าหลังร้านไป โต๊ดที่มองตามด้วยความงุนงงก็รีบเดินตามไปติด ๆ
เข้ามาถึงหลังร้านโต๊ดก็เห็นยักษ์นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว บนโต๊ะกินข้าวนั้นก็มีชามใส่ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าที่ดูแห้งชืดจนแป้งคืนตัววางอยู่ โต๊ดถึงกับสะดุ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนกลางวันไอ้ยักษ์มันบอกว่าอยากกินราดหน้า แถมยังรับปากว่สจะทำให้มันกินเย็นนี้ แต่เขากลับลืมเสียสนิท
"เ...้ย! นี่อย่าบอกนะว่ามึง..."
"อืม กูเห็นมึงออกไปข้างนอกตั้งนานกูก็เลยรอ"
"ยักษ์" โต๊ดรีบวางถุงใส่เสื้อผ้าของคุณก้องเอาไว้บนหลังตู้ซักผ้าก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะกันข้าว "มึงจะรอกูทำไมวะ ทำไมมึงไม่กินก่อน แล้วทำไมไม่กลับบ้าน"
"กูกลับไปใครจะรอรับมึง กูกินก่อนใครจะนั่งกินเป็นเพื่อนมึง" ยักษ์หลับตาถอนหายใจ "มึงจำเมื่อ 15 ปีก่อนได้ปะ วันนี้เป็นวันที่มึงสอบติดม.ต้น ลุงกับป้าทำราดหน้าทะเลให้พวกเรากินฉลองที่มึงสอบติด ลุงกับป้าถามว่ามึงอยากได้อะไร แล้วมึงก็บอกว่าอยากให้ทุกคนนั่งกินราดหน้าด้วยกันแบบนี้ไปทุกปีเลย"
"ยักษ์!"
"กูก็ไม่ใช่คนดีอะไรแต่กูรักครอบครัว แล้วมึงก็เป็นครอบครัวกู ถ้ากูไม่อยู่รอแล้วใครจะอยู่กินราดหน้ากับมึงฮะ"
สิ้นคำของคนเป็นพี่โต๊ดก็ก้มหน้าก้มตาตักราดหน้าที่เย็นชืดเข้าปาก
ถ้าเทียบกับอาหารฝรั่งเศสที่กินไปเมื่อตอนหัวค่ำทั้งความหรูหรา ทั้งรสชาติ ทั้งหน้าตาของอาหาร มันเทียบกันไม่ติด ทว่าโต๊ดกลับรู้สึกว่าราดหน้าชืด ๆ ฝีมือไอ้ยักษ์ที่อยู่ในปากกลับอร่อยกว่าอาหารฝรั่งเศสที่กินไปเป็นหลายร้อยเท่าจนเผลอตักกินจนหมดชาม
หลังจากจบมื้อดึกกับไอ้ยักษ์โต๊ดก็รีบมาจัดการซักคราบไวน์ที่หกใส่ชุดคุณก้องทันที ระหว่างที่กำลังรออบชุดโต๊ดก็เห็นไอ้ยักษ์เดินไปหอบเสื้อผ้าจากที่ร้านของมันมาให้ พลางมองไปที่ชุดช่างมอซอคล้ำหมองเต็มที
"ยักษ์มานี่ดิ๊"
โต๊ดเดินนำร่างสูงกำยำไปยังด้านหน้าร้าน เขาหยิบสายวัดมาคล้องคอแล้วหยิบกระดาษมาเขียนสัดส่วนต่าง ๆ รอไว้
"ถอดเสื้อดิ๊"
"จะทำอะไร"
"จะตัดชุดให้"
"ตัดตอนนี้"
"อืม"
"จะห้าทุ่มเนี่ยนะ"
"มึงขนเสื้อผ้ามาให้ก็แปลว่ามึงไม่คิดจะกลับบ้านอยู่แล้วปะ"
"ก็เออดิ ดึกขนาดนี้ ฝนก็ตก"
"มีเวลาทั้งคืน งั้นก็ตัดเลย ไม่เกินชั่วโมง พรุ่งนี้มึงจะได้มีชุดใหม่ใส่"
"ซักเอาก็ได้มั้ง ที่ร้านกูก็มีอีกชุด"
"ชุดใหม่ที่กูหมายถึงคือของใหม่ ตัดใหม่ ชุดนี้มอซอฉิบหาย"
"กูเป็นช่างซ่อมรถไหม มันก็ต้องเก่าดิ"
"งั้นก็พอดีเลย กูเป็นช่างเย็บผ้า กูทนเห็นพี่กูใส่ชุดเก่า ๆ ไม่ได้ว่ะ ถอดเสื้อแล้วหันหลังมาจะวัดบ่า"
เมื่อสายวัดอยู่ในมือวิญญาณช่างตัดเย็บก็เข้าสิง โต๊ดวัดขนาดตัวของยักษ์ทั้งบ่า แขน อก หลัง ก่อนที่จะโอบจากด้านหลังเพื่อจะวัดรอบเอวทำเอายักษ์ที่กำลังเหม่อมองถึงกับสะดุ้งไม่ทันตั้งตัว
พอได้ขนาดครบทั้งตัวโต๊ดก็เดินไปเลือกผ้าสีกรมท่าโดยเขาเลือกใช้ผ้าสแปนเดกที่มีความยืดหยุ่นเหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องก้มเงยลุกนั่งตลอดเวลามาตัดกางเกงและนำผ้าโทเลมาตัดเสื้อช่าง
"มึง ผ้ามันจะอบเสร็จแล้วมั้ง มึงอาบน้ำเสร็จแล้วก็เอาผ้าออกมาแขวนข้างนอกให้หน่อย"
"อืม"
"ส่วนชุดมึงอะถอดใส่ตู้ไว้เลยเดี๋ยวไปซักให้"
"อืม"
ให้หลังไอ้ยักษ์โต๊ดก็ลากผ้าหอบใหญ่มากางที่กลางร้าน เขาลงมือวัดขนาดผ้าแล้วตัดผ้าตามแบบที่นำมาทาบ พอได้ชิ้นงานก็ใช้เข็มหมุดเนาผ้าเอาไว้ให้เป็นทรงของส่วนต่างก่อนจะนำไปขึ้นจักรเย็บ โต๊ดง่วนอยู่กับจักรเย็บผ้าเกือบชั่วโมงในที่สุดชุดช่างชุดใหม่ก็เป็นอันเสร็จพร้อมใส่
เสียงฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมากระทบกับหลังคาอู่ซ่อมรถทำให้โต๊ดหวนนึกถึงตอนที่อยู่บนเพนต์เฮาส์สุดหรู ทุกอย่างบนนั้นสวยงามราวกับภาพฝันก็จริง แต่เขาก็รู้สึกว่ามันมีอะไรบ้างที่ขาดหายไป ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองไหม แต่เขารู้สึกว่าในห้องนั้นมันขาดชีวิต ของใช้ที่ถูกจัดไว้อย่างลงตัวมันหยุดนิ่งราวกับถูกนำมาตั้งทิ้งไว้ แต่เจ้าของไม่มีการหยิบขึ้นมาใช้แต่อย่างใด
"ตี 1 แล้ว ทำไมยังไม่นอน"
โต๊ดหันหน้าไปมองร่างมหึมาที่นอนก่ายหน้าผากอยู่ข้าง ๆ
"กูคิดอะไรไปเรื่อย"
"คิดถึงไอ้หนุ่มนั่นเหรอ"
"ถามแต่กู มึงเถอะ ทำไมยังไม่นอน คิดถึงเมียเก่าอยู่ไง"
"นี่มึง..."
"โอ๊ย! ใครเขาก็รู้ปะ เขาพูดกันทั้งตลาดอะว่าอีหมิวมันโดนผัวทิ้งเลยกลับมาขายของ แล้วเขาก็เห็นกันนะว่ามันมาเกาะแกะมึง" เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ฟังดูราวหับมีเรื่องหักอก ทำให้โต๊ดต้องเหลือบตามองด้วยความเป็นห่วง "อะไร นี่อย่าบอกนะว่ามึงกับมันกลับมาเอากันอีกรอบอะ"
"เปล่า!"
"แล้วเป็นไร"
"เมื่อเย็นหมิวมันมาที่ร้าน ไอ้อั๋นแม่งเสือกไปสั่งส้มตำร้านมัน แล้วมันก็มายั่วกู ตอนนั้นกูก็เมาด้วยแหละเลยเกือบจะเผลอมีอะไรกับมัน"
"ฮะ! แค่เกือบ คนอย่างมึงเนี่ยนะแค่เกือบ"
"เออ! คนอย่างกูนี่แหละแค่เกือบ"
"สัตว์ ปกติเห็นแต่มึงเก็บสกอร์กี่น้ำหนิ มิน่าฝนถึงตกซะห่าใหญ่ไม่หยุดเลยเนี่ย"
"ให้พี่เอาน้องโต๊ดแทนไหมละจ๊ะฝนจะได้หยุด"
"...! กูน้องมึงนะ"
"ก็คนละสายเลือดปะวะ" เสียงถอนหายใจหักอกดังขึ้นอีกรอบ "ไม่รู้ดิ กูไม่รู้สึกมีอารมณ์กับมันเลยว่ะ แถมกูยังเผลอไปนึกถึงเรื่องพ่อเรื่องแม่กูอีก"
แค่ได้ยินว่าไอ้ยักษ์ใหญ่ใจมดพูดถึงเรื่องพ่อแม่ของมันโต๊ดก็รีบตะแคงข้างแล้วโอบกอดมันทันที เพราะถ้าไม่ถึงสุดแล้วจริง ๆ ไอ้ยักษ์จะไม่พูดถึงหรือนึกถึงเรื่องนี้เด็ดขาด
"กูอยู่นี่ ๆ นอนเถอะมึงพรุ่งนี้เรายังต้องตื่นมาใช้ชีวิต ยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ"
ค...ครืน~
เปรี้ยง!
"ว๊าย!"
เสียงฟ้าผ่าไม่ทันตั้งตัวทำโต๊ดเผลอกรีดร้องตกใจกอดร่างหนาแล้วซุกหน้าเอาไว้แน่น ในขณะเดียวกันวงแขนล้ำก็ตอบสนองอ้าแขนโอบร่างบางที่ตัวสั่นงันงกเอาไว้ฉับไว
"โอ๋ ๆ ไม่กลัวนะ ๆ"
เสียงโอ๋ปลอบคลอไปกับเสียงฝนห่าใหญ่และเสียงฟ้าคำรามต่อเนื่องทำให้โต๊ดคลายความกลัวลงมาเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงโอบกอด มือจิกเสื้อกล้ามเก่า ๆ แล้วซุกหน้าหลบกับที่หลบภัยที่ยังคงโอบกอดแล้วปลอยโยนเขาไม่ยอมปล่อย
เพียงนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก่อนที่จะหลับไปโต๊ดก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนเผลอยิ้มออกมา ถึงเขาจะรู้สึกดีแค่ไหนเวลาที่ชายหนุ่มรูปงามมาโอบกอดตอนนอนหรือตอนมีอะไรกัน แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับอ้อมกอดของคนในบ้าน โต๊ดไม่มีทั้งพ่อและแม่ มีเพียงลุงใหญ่ ป้าลักษมี และไอ้ยักษ์ เขาจะรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งเวลาที่ถูกสามคนนี้กอด โดยเฉพาะกับไอ้ยักษ์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ว่าจะแกล้งกันทะเราะกันขนาดไหน ทุกครั้งที่มีฟ้าผ่าฟ้าร้องหรือมีเรื่องให้ตกใจ หากเขาถูกไอ้ยักษ์กอดความกลัวนั้นก็จะหายไป จนรู้สึกว่าไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว
ซึ่งมันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้โต๊ดสับสน เพราะที่ผ่านมาเขาจะตอบตกลงคบกับคนที่ตัวเองรู้สึกปลอดภัย รู้สึกสบาย เหมือนอยู่กับครอบครัว แต่กับคุณก้องที่ดูแลเขาดีทุกอย่างตั้งแต่วันแรก กลับไม่มีความรู้สึกเหล่านั้นปรากฎขึ้นมาเลย