วินเทจ:จากองุ่นที่ถูกเก็บเกี่ยวตามฤดูกาลสู่แฟชั่นที่ยิ่งเก่ายิ่งมีคุณค่า
วินเทจ: จากองุ่นที่ถูกเก็บเกี่ยวตามฤดูกาลสู่แฟชั่นที่ยิ่งเก่ายิ่งมีคุณค่า
คำว่า "วินเทจ" (Vintage) มีรากศัพท์มาจากคำว่า "Vendage" ของภาษาฝรั่งเศส แปลว่า "องุ่นที่ถูกเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล" แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป คำนี้ได้ถูกนำมาใช้ในบริบทอื่นๆ รวมถึงในวงการแฟชั่น ตั้งแต่ยุค 1920s ถึง 1980s
ความหมายที่แท้จริงของคำว่า Vintage คือ "การบ่มไวน์" ซึ่งเปรียบเสมือนการให้คุณค่าแก่สิ่งที่เก่ากว่าและมีความพิเศษมากขึ้น เมื่อใช้กับแฟชั่น ความหมายนี้แสดงถึงเสื้อผ้าที่ผ่านการใช้งานและอายุมากขึ้น แต่กลับดูดีและมีสไตล์ยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งยังมีราคาที่สูงขึ้นด้วย
เสื้อผ้าวินเทจสะท้อนถึงสไตล์ที่เป็นที่นิยมในช่วงเวลาต่างๆ เช่นเดียวกับสิ่งของอื่นๆ เช่น นาฬิกา โคมไฟ เครื่องประดับ หรือรถยนต์ เป็นต้น สิ่งของเหล่านี้จะถูกเรียกว่าวินเทจก็ต่อเมื่อมีอายุระหว่าง 20 ถึง 75 ปีขึ้นไป ทำให้ไม่เพียงแค่เสื้อผ้าเท่านั้น แต่รวมถึงวัตถุเก่าๆ ที่มีความเก่าแก่และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ด้วย
การสวมใส่เสื้อผ้าวินเทจไม่เพียงแค่เป็นการแสดงออกถึงสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร แต่ยังเป็นการรักษาและเคารพในประวัติศาสตร์แฟชั่น การเลือกเสื้อผ้าวินเทจจึงเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของยุคสมัยนั้นๆ และการเชื่อมต่อกับอดีตที่ยังคงมีชีวิตชีวาในปัจจุบัน