นโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับชาว LGBTQ+ ในสหรัฐฯ
จากเหตุการณ์การลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ทำให้ได้รับคะแนนความสงสารและความเห็นใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้โอกาสได้เป็นผู้นำสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น ถ้าหากทรัมป์ได้เป็นผู้นำขึ้นมาจะส่งผลต่อชาว LGBTQ+ อย่างไรบ้างนั้นไปดูกันครับ โดยจากแผนนโยบายที่เขาประกาศไว้ในเว็บไซต์หาเสียง ทรัมป์ตั้งใจจะออกกฎหมายห้ามการทำลายอวัยวะเพศเด็ก ซึ่งเป็นคำที่เขาใช้เรียกการรักษาเพื่อยืนยันเพศสภาพในเด็กและเยาวชนข้ามเพศ นอกจากนี้ ยังจะยกเลิกโครงการทุกอย่างที่ส่งเสริมเรื่องการเปลี่ยนเพศ และตัดสิทธิ์ประกันสุขภาพของโรงพยาบาลที่ให้บริการด้านนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังจะอนุญาตให้ประชาชนฟ้องร้องแพทย์ที่ให้การรักษายืนยันเพศสภาพได้ และจะลงโทษครูหรือโรงเรียนที่พูดถึงภาวะความไม่สบายใจในเพศสภาพกับเด็ก ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ เขาจะผลักดันกฎหมายให้รัฐบาลรับรองเพียงสองเพศคือชายและหญิงตามเพศกำเนิดเท่านั้น ห้ามผู้หญิงข้ามเพศเล่นกีฬา และบังคับให้เด็กต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนเปลี่ยนอัตลักษณ์ทางเพศ
แผนการเหล่านี้ชัดเจนว่าเป็นแนวคิดที่ไม่เข้าใจและไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ ซึ่งขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนและความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทรัมป์มีแผนที่จะยกเลิกการขยาย Title IX ที่ป้องกันการเลือกปฏิบัติต่อคนข้ามเพศในโรงเรียนที่ได้รับทุนจากรัฐบาลกลาง (การคุ้มครองนักเรียน LGBTQ+ โดยเฉพาะ การขยายขอบเขตการคุ้มครอง และ เพิ่มการคุ้มครองผู้เสียหายจากการล่วงละเมิดทางเพศ) ห้ามการรักษายืนยันเพศสภาพสำหรับเยาวชนข้ามเพศ และจำกัดการให้บริการทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนเพศ ห้ามคนข้ามเพศรับราชการทหาร ซึ่งเป็นการกลับมาของนโยบายที่เขาเคยประกาศในช่วงแรกของการเป็นประธานาธิบดี และลดการคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับคนข้ามเพศในด้านการจ้างงาน การศึกษา และการดูแลสุขภาพ หากนโยบายเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนข้ามเพศเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติและความรุนแรงต่อกลุ่ม LGBTQ+ ในวงกว้างอีกด้วย