การได้มาซึ่ง กาแฟขี้ชะมด อาจเป็นการทรมานสัตว์ที่ผู้บริโภคไม่รู้ตัว
หลายคนคงเคยชิม กาแฟขี้ชะมด กันมาบ้าง โดนราคาของมันก็แพงใช่เล่นเลยทีเดียว เป็นผลมาจากการผลิตนั่นเอง แต่ปัจจุบันนี้ธุรกิจกาแฟขี้ชะมดดูซบเซาลง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากผู้บริโภคจำนวนหนึ่งได้รับรู้ถึงกระบวนขั้นตอนการผลิตนั่นเอง โดยกระบวนการผลิตกาแฟขี้ชะมด ไม่ใช่การเก็บเมล็ดกาแฟจาก ขี้ชะมด ตามธรรมชาติ แต่เป็นการทำฟาร์มกาแฟขี้ชะมด ที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ People for the Ethical Treatment of Animals หรือ PETA ได้ลงพื้นที่ทำวิจัย
และออกเป็นรายงานว่าเข้าข่ายการทรมานสัตว์ โดย PETA ได้เข้าไปตรวจสอบในทางลับกับอุตสาหกรรม กาแฟขี้ชะมดในอินโดนีเซีย ทั้งในแง่ของการเป็นอุตสาหกรรมที่เข้าข่ายการทรมานสัตว์ และอาจเชื่อมโยงกับโรคระบาด จากการที่ PETA ได้ลงพื้นที่เพื่อสืบหาเบาะแสต่างๆ เกี่ยวกับการทรมานสัตว์ ซึ่งได้พบกับสภาพของชะมด ที่น่าสลดหดหู่ใจในทุกๆ แห่ง ทั้งในฟาร์มกาแฟชะมด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดค้าสัตว์ป่าที่ขายชะมด”พบส่วนใหญ่หมดสภาพ หรือป่วยหนัก เสี่ยงต่อการเสียชีวิต และเป็นพาหะเชื้อโรคจากสัตว์สู่สัตว์ และจากสัตว์สู่มนุษย์ โดยปกติแล้วชะมดเป็นสัตว์ที่ออกหากินเวลากลางคืน แต่กลับถูกขังไว้ในกรงกลางแจ้งตลอดเวลา
ไม่มีที่มืดและเงียบสงบให้นอนกลางวัน ทำให้พวกมันเผชิญความทุกข์ยาก และสุขภาพย่ำแย่ ชะมดส่วนใหญ่หอบหายใจ และแลบลิ้นตลอดเวลาเนื่องจากหายใจลำบาก จากความร้อนที่ได้รับมากเกินกว่าสภาวะธรรมชาติที่ชะมดจะทนได้ จากการที่ชะมดเกิดความเครียดมากจากการถูกคุมขังในที่แคบ สกปรก ห้ามผสมพันธุ์ เมื่อชะมดป่วยก็ปล่อยให้ตาย แล้วไปซื้อมาใหม่จากตลาดค้าสัตว์ป่าไม่มีการตรวจสุขภาพ และรักษาโรค ชะมดจึงไม่แข็งแรงเพราะได้ทานแต่เมล็ดกาแฟเป็นอาหาร เพื่อหวังผลให้ชะมดถ่ายออกมาเป็นเมล็ดกาแฟล้วนๆ ชะมดบางตัวถึงกับถ่ายเป็นเลือดปะปนออกมา เนื่องจากร่างกายได้รับแค่เมล็ดกาแฟ ไม่ได้รับสารอาหารหรือกากใยอาหารตามธรรมชาติของชะมดนั่นเอง














