แอปเปิ้ลพิษในเทพนิยายสโนว์ไวท์มาจากไหน?
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมแม่มดใจร้ายในเรื่องสโนว์ไวท์ถึงเลือกใช้แอปเปิ้ลเป็นอาวุธสำหรับวางยาพิษ? แอปเปิ้ลสีแดงสดใสที่ดูน่ากินนั้น กลับซ่อนความอันตรายถึงชีวิตไว้ภายใน เรื่องราวนี้มีที่มาอย่างไร? มาติดตามกันเลย
ย้อนกลับไปในอดีต แอปเปิ้ลเคยถูกมองว่าเป็นผลไม้แห่งความรู้และการล่อลวง ในคัมภีร์ไบเบิล ผลไม้ต้องห้ามที่อีฟรับประทานนั้น มักถูกตีความว่าเป็นแอปเปิ้ล แม้จะไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ภาพของแอปเปิ้ลก็ถูกเชื่อมโยงกับการทดลองและบาปมาอย่างยาวนาน
ในยุคกลาง ตำนานเกี่ยวกับแอปเปิ้ลพิษเริ่มแพร่หลายในยุโรป มีเรื่องเล่าว่าแม่มดมักใช้แอปเปิ้ลเป็นส่วนผสมในยาพิษ เพราะเปลือกและเมล็ดของมันสามารถซ่อนสารพิษได้อย่างแนบเนียน ประกอบกับรูปลักษณ์ที่สวยงามน่ากิน จึงเป็นเครื่องมือล่อลวงที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ ในช่วงศตวรรษที่ 16-17 ยังมีการค้นพบว่าเมล็ดแอปเปิ้ลมีสารไซยาไนด์ ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายหากรับประทานในปริมาณมาก ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของแอปเปิ้ลในฐานะผลไม้อันตราย
เมื่อพี่น้องตระกูลกริมม์รวบรวมนิทานพื้นบ้านในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 พวกเขาได้นำเอาตำนานแอปเปิ้ลพิษมาใส่ไว้ในเรื่องสโนว์ไวท์ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังและจดจำได้ง่าย สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างความงามภายนอกกับอันตรายที่ซ่อนอยู่ภายใน
จากนั้นมา แอปเปิ้ลพิษก็กลายเป็นส่วนสำคัญในวรรณกรรมและวัฒนธรรมป๊อป ไม่ว่าจะเป็นในภาพยนตร์การ์ตูนของดิสนีย์ หรือการ์ตูนญี่ปุ่นอย่าง Death Note ที่ใช้แอปเปิ้ลเป็นสัญลักษณ์ของการล่อลวงและความตาย
เรื่องราวของแอปเปิ้ลพิษในสโนว์ไวท์จึงไม่ใช่แค่จินตนาการล้วนๆ แต่มีรากเหง้ามาจากความเชื่อและตำนานที่สั่งสมมายาวนาน ผสมผสานกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์บางประการ กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังและน่าจดจำ ที่ยังคงหลอกหลอนผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้
ต่อไปเมื่อคุณเห็นแอปเปิ้ลสีแดงสดใส คงอดนึกถึงเรื่องราวอันน่าพิศวงนี้ไม่ได้แน่นอน แต่อย่าลืมว่า ในความเป็นจริงแล้ว แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ไม่ได้มีพิษภัยอะไรหากรับประทานอย่างถูกวิธี เพียงแต่ในโลกแห่งนิทาน มันได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอันตรายที่แฝงตัวอยู่ในความงดงามไปเสียแล้ว