9 อาหาร ไม่ควรนำมาใส่บาตร อาจทำให้พระสงฆ์ต้องอาบัติได้
1. เนื้อต้องห้าม พระวินัยบัญญัติทุกสิกขาบท พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติด้วยพระองค์เอง โดยเนื้อที่ทรงห้ามสำหรับพระภิกษุมี 10 ชนิด คือ เนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้อราชสีห์ เนื้องู เนื้อหมี เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือดาว เนื้อเสือเหลือง
2. เนื้อดิบ ปกติแล้วพระภิกษุสามารถฉันเนื้อได้ ไม่ผิดหลักเว้นแต่จะเข้า 10 เนื้อต้องห้าม แต่เนื้อดิบ อาทิ ซอยจุ๊ ซาชิมิ ลาบก้อย ที่กึ่งดิบกึ่งสุก หรือเนื้อดิบล้วน ๆ ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งแก่การถวายให้พระภิกษุฉัน เนื่องจากหากฉันเข้าไปจะต้องอาบัติ
3.ผลไม้มีเมล็ด แนะนำให้ถวายผลไม้ที่ไร้เมล็ด หากผลไม้มีเมล็ดอ่อน แพร่พันธุ์ไม่ได้ สามารถถวายได้ แต่ถ้าเมล็ดนั้นสามารถแพร่พันธุ์ได้ ไม่ควรถวาย เพราะภิกษุรับประเคน และเผลอฉันเมล็ดเข้าไปจะต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ ดังนั้น พระภิกษุจึงต้องทำกัปปิยะ เสียก่อน คือทำให้สุก หรือเอาเมล็ดทิ้ง จึงจะสามารถฉันได้โดยไม่ผิดพระธรรมวินัย
4. เครื่องดื่มบางชนิด ทราบดีอยู่แล้วว่า พระภิกษุสามารถฉันน้ำปานะได้ แต่น้ำปานะที่ไม่สมควรตามหลักพระวินัย ได้แก่ น้ำแห่งธัญชาติ (ข้าว) 7 ชนิด คือ ข้าวสาลี ข้าวเปลือก ข้าวเหนียว ข้าวละมาน ข้าวฟ่าง ลูกเดือย และหญ้ากับแก้ น้ำผลไม้ 9 ชนิด คือผลตาล มะพร้าว ขนุน สาเก น้ำเต้า ฟักเขียว แตงไทย แตงโม และฟักทอง น้ำจากอาหารอื่น ๆ เช่น ถั่วชนิดต่าง ๆ มีถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ และงา แม้จะต้มจะกรอง ทำเป็นเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ซึ่งปานะนี้ให้สุกด้วยแสงแดดเท่านั้น ห้ามให้สุกด้วยไฟ และน้ำปานะจัดเป็นยามกาลิก(ฉันชั่วคราว) จึงควรเก็บไว้ฉันได้ตลอด 1 วัน กับ 1 คืนเท่านั้น
5. น้ำมัน พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ว่า ภิกษุใดออกปากขอโภชนะอันประณีตเช่นนี้ คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน มาเพื่อตนแล้วฉัน ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์
6. ข้าวสาร อาหารแห้ง การที่หลายคนถวายข้าวสาร อาหารแห้งเป็นปกติ และพบได้ทั่วไป ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม เนื่องจากตามพระธรรมวินัย พระภิกษุไม่สมควรทำอย่างคฤหัสถ์ คือประกอบอาหารเอง ควรประพฤติขัดเกลาและศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น หากจะถวายข้าวสาร อาหารแห้ง ควรถวายให้กับวัด เพื่อให้ทางวัดเป็นผู้จัดเก็บเข้าโรงทาน สำหรับให้ฆราวาสได้ประกอบอาหารต่อไปจะเหมาะสมกว่า
7. อาหารกึ่งสำเร็จรูป เหตุผลเดียวกันกับการถวายข้าวสาร อาหารแห้ง เพราะพระภิกษุไม่สามารถทำอาหารเองได้ และจะเก็บอาหารไว้ฉันเองในวันต่อ ๆ ไป ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น การถวายอาหารกึ่งสำเร็จรูปจึงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม อีกประการสำคัญคือ ส่วนประกอบและกรรมวิธีของอาหารกึ่งสำเร็จรูป มีโภชนาการที่ต่ำกว่าอาหารทำสด ใหม่ และเต็มไปด้วย ไขมัน โซเดียม หรือคาร์โบไฮเดรตที่เกินพอดี ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสุขภาพของพระภิกษุได้
8. ขนมหวาน จะพบการถวายขนมหวาน อาทิ ทองหยิบ ทองหยอด หรือขนมไทยต่าง ๆ ให้แก่พระภิกษุอยู่เป็นประจำ ซึ่งการฉันขนมหวานไม่ได้ผิดหลักพระธรรมวินัย แต่ไม่เหมาะสม เนื่องจากขนมหวานอาจจะมีส่วนประกอบที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้นหากถวายต้องคำนึงถึงน้ำตาล กะทิ หรือส่วนประกอบที่จะเป็นผลเสียต่อร่างกายพระภิกษุ 9. เงิน พระพุทธเจ้าเคยกล่าวกับพระอานนท์ไว้ว่า เงินเปรียบเสมือนอสรพิษ ที่คอยแว้งกัดและให้โทษ กับผู้มีหรือครอบครองมันไว้ พระพุทธองค์จึงไม่สนับสนุนให้พระสาวกมีหรือครอบครองเงินไว้ แต่ถ้า ต้องรับก็ต้องรับไว้ด้วยจิตไม่คิดยินดี และถ้าเงินนั้นไม่ได้รับจากผู้ถวายด้วยเจตนาแล้วครอบครองไว้ พระสงฆ์จะต้องปาราชิก การถวายเงินหรือปัจจัยไม่ได้มีความจำเป็น หรือเป็นธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติแต่อย่างใด
ที่มา :มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

















