“BE BEST” เมลาเนีย ทรัมป์ เพื่อเด็กและเยาวชนใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์
ผลการวิจัยในสหรัฐฯ โดยนักวิจัยเผยว่าการศึกษาพฤติกรรมการใช้หน้าจอของเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ พบว่า เด็กเหล่านี้ใช้เวลาบนหน้าจอและสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น โดยมีจำนวนชั่วโมงออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวเลขของการใช้หน้าจอที่เพิ่มขึ้นยังสะท้อนถึงความยากลำบากของครอบครัวยากจน โดยประเด็นค้นพบที่น่ากังวลเป็นพิเศษก็คือการที่เด็กและเยาวชนใช้เวลาบนหน้าจอท่องโลกโซเชียลมีเดีย อย่าง อินสตาแกรม Snapchat หรือเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น แม้ว่าแพลตฟอร์มต่าง ๆ เหล่านี้จะมีข้อกำหนดให้ผู้ใช้งานต้องมีอายุอย่างน้อย 13 ปีขึ้นไป ตามเงื่อนไขกฎหมายคุ้มครองข้อมูลเด็ก
แม้การใช้เทคโนโลยีจะเพิ่มมากขึ้นในคนทุกกลุ่ม แต่การสำรวจพบว่า การใช้หน้าจอในหมู่เด็กจากครอบครัวยากจนรายได้น้อย รวมถึงเด็กผิวสีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก เด็กกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากการะบาดของโรคโควิด-19 มากที่สุด ดังนั้น จึงตัดสินใจใช้เวลาบนหน้าจอให้มากที่สุดเพื่อหลีกหนีจากโลกความเป็นจริง และเพื่อฆ่าเวลา ส่งผลจนเด็ก ๆ เหล่านี้เคยชินกับการเล่นโซเชียลมีเดีย มีผลยาวต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ประกอบกับเด็กจากครอบครัวยากจนได้รับผลกระทบจากการที่โรงเรียนปิดมากกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน เพราะเด็กเหล่านี้ไม่มีกิจกรรมหลังเลิกเรียนที่จะทำได้มากนัก นอกจากการใช้เวลาอยู่ที่บ้านและท่องโลกโซเชียลมีเดียว ขณะเดียวกัน เนื่องจากพ่อแม่ของเด็กจากครอบครัวยากจนส่วนใหญ่ทำงานในลักษณะที่ไม่สามารถทำงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้ ต้องใช้แรงงาน ดังนั้น เด็กเหล่านี้ก็ยิ่งถูกทิ้งไปไว้กับ
สมาร์ทโฟนของตนเองมากขึ้น
สืบเนื่องจากปัญหาเด็กและเยาวชนเสพติดสื่อโซเชียล นางเมลาเนีย ทรัมป์ อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสมัยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งดำรงตำแหน่งในขณะนั้น (ช่วงปี ค.ศ.2017 – 2021) ได้ดำริและริเริ่มจัดตั้งโครงการ “BE BEST” เป็นโครงการพัฒนาชีวิตเด็กและเยาวชนอเมริกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาในเด็กและวัยรุ่นอเมริกันตั้งแต่การถูกทำร้ายทางโซเชียลมีเดีย การเสพติดยาแก้ปวดสารสกัดจากฝิ่น (Opioid) เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเด็กและเยาวชน
นางเมลาเนีย กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นแม่และสุภาพสตรีหมายเลข 1 ตนรู้สึกกังวลว่า โลกยุคปัจจุบันที่มีการก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและทำให้โลกเชื่อมเข้าหากันมากกว่าที่เคย แต่บรรดาเด็กๆ อาจมีความเตรียมพร้อมไม่เพียงพอในการแสดงความรู้สึก หรือการจัดการภาวะทางอารมณ์และหากเราตั้งใจฟังในสิ่งทื่เด็กๆ เหล่านี้ต้องการที่จะสื่อสาร ผู้ใหญ่สามารถให้การช่วยเหลือและสนับสนุนด้านปัจจัยที่จำเป็นในการที่
จะทำให้เด็กๆเหล่านี้สามารถเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข และเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ที่สามารถอุทิศแก่สังคมในทางที่สร้างสรรค์ต่อสังคมและต่อประชาคมโลก
“BE BEST” จึงเป็นโครงการในการดูแลและช่วยเหลือเด็ก ๆ อย่างที่ทราบโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อเด็ก ๆ และเยาวชน เป็นอย่างมาก พวกเขาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากโซเชียลมีเดีย แต่บ่อยครั้งมักเป็นการเรียนรู้ในทางลบ หากเด็ก ๆ ได้เรียนรู้การใช้โซเชียลมีเดียโลกออนไลน์ในเชิงบวกตั้งแต่เนิ่นๆ โซเชียลมีเดียเหล่านี้ก็จะสามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ก่อเกิดผลและสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้
ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญปัญหาอาชญากรเด็กเยาวชนที่มีมากขึ้น โดยมีสาเหตุใหญ่มาจากการที่เด็กและเยาวชนหลงผิดในการใช้โซเชียลมีเดีย มีข้อสังเกตว่านางทรัมป์ทำงานโครงการ“BE BEST” มาตลอดนับแต่พ้นจากตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลข 1 หากนำโครงการฯ ดังกล่าวมาช่วยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 คาดการณ์ได้ว่าโครงการ“BE BEST” น่าจะมีส่วนช่วยให้นายทรัมป์ได้รับคะแนนนิยมแลเความชื่นชมอยู่ไม่น้อย โครงการฯ นี้มีความน่าเชือถือเนื่องจากนางเมลาเนีย ทรัมป์ นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีในการมีลบุคลิกและลักษณะนิสัยที่ไม่พูดมาก ไม่ตอบโต้ใด ๆ แสดงให้เห็นถึงความมีวุฒิภาวะและการเป็นคนที่ไม่แสดงออกถึงอารมณ์รุนแรง ไม่เดือดไม่ร้อนพอที่จะตอบโต้ แต่รู้จักนิ่ง สังเกตได้จากเวลาตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับโดนัลด์ ทรัมป์ สามีของเธอ
+++____________________________________+++
รูปภาพ : เครดิตบนภาพ



