นักวิจัยชี้ ให้เด็กหยิบอาหารกินเอง อาจดีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ
ข้อมูลต่อไปนี้ใช้เป็นข้ออ้างแทนเด็กๆที่ยังพูดไม่ได้ ในเรื่องการกินอาหารเลอะเทอะ เพราะจากการศึกษาใหม่พบว่าการป้อนอาหารเด็กน้อยด้วยช้อนอาจไม่ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตมากนัก ขณะที่อีกวิธีการอย่างการปล่อยให้เด็กกำลังหัดเดินได้ลองจับ ได้ลองกินอาหาร (ที่ค่อนข้างแข็งๆ หน่อย ไม่เหลวมากไป) ด้วยตัวเอง อาจมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีขึ้นมากกว่า
วิธีการดังกล่าวนี้ทางผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมองว่าจะช่วยส่งเสริมนิสัยการกินเพื่อสุขภาพ เพราะเด็กๆ มีอิสระมากขึ้น ในการสำรวจมื้ออาหารของตัวเองว่าพ่อแม่เตรียมหรือทำอะไรให้กิน ทว่าวิธีการนี้หลายคนก็มีความกังวลในเรื่องของแคลลอรีที่ได้รับว่าจะเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพวกเขาหรือไม่ แต่จากการศึกษาข้างต้น ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคโลรา ได้ติดตามเด็กน้อยอายุ 5 เดือน ที่มีสุขภาพดีจำนวน 70 คน ด้วยการบันทึกปริมาณการกินอาหารของเด็กๆ เป็นเวลา 3 วัน
จากนั้นทำการวิเคราะห์ ผลปรากฏว่าไม่พบความแตกต่าง ของแคลลอรีที่ได้รับอย่างชัดเจน ระหว่างเด็กที่ถูกป้อนอาหารกับเด็กที่กินอาหารด้วยตัวเอง อีกทั้งการให้เด็กกินอาหารด้วยตัวเอง มีความเชื่อมโยงกับน้ำหนักตามอายุ และน้ำหนักต่อความสูง ซึ่งหลังจากที่เด็กไม่ได้ถูกใช้ช้อนป้อนอาหาร กลับพบว่ามีพัฒนาการด้านการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ทีมวิจัยยังแนะนำให้พ่อแม่ที่อยากลองใช้วิธีการนี้ ด้วยการเลือกอาหารที่เหมาะสม เน้นที่เด็กจับหรือเคี้ยวได้ง่าย เช่น ผลไม้เนื้ออ่อน ผักนึ่ง ชีส และเนื้อสัตว์บดชิ้นเล็กๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการสำลัก รวมถึงแนะนำให้หั่นอาหารเป็นรูปทรงแท่งๆ และมีขนาดใกล้เคียงเทียบเท่ากับกำปั้นของเด็กเอง
ด้าน คินซี แมตเซลเลอร์ (Kinzie Matzeller) ผู้เขียนงานศึกษาชิ้นนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า เด็กน้อยมักจะพยายามอยู่ประมาณ 15 ครั้งกว่าจะยอมกินอาหารใหม่เข้าไป ซึ่งนี่เองที่ต้องอาศัยความพยายามของผู้ปกครอง ทำให้เธอได้ค้นพบว่า ส่วนใหญ่แล้วพ่อแม่ที่มีการศึกษาและรายได้สูง มักจะแนวโน้มในการให้เด็กได้กินอาหารด้วยตัวเองมากกว่า และการให้เด็กน้อยหยิบจับอาหารเข้าปาก ต้องเริ่มต้นจากการฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่าเร่งรีบกดดันจนเกินไป ที่สำคัญไม่ควรปล่อยเด็กไว้ตามลำพังขณะกินอาหารเด็ดขาด ควรมีผู้ใหญ่ที่เข้าใจคอยดูแลใกล้ชิด เพราะบางครั้งเด็กน้อยอาจกินคำใหญ่เกินไป จนเสี่ยงเป็นอันตรายกับเด็กได้นั่นเอง