Fire Mummies มัมมี่รมควันของฟิลิปปินส์
ถ้าพูดถึงมัมมี่คนทั่วส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึงอียิปต์ แต่ความจริงแล้วในหลายประเทศก็มีการทำมัมมี่เหมือนกัน รวมถึงฟิลิปปินสืด้วย โดยในฟิลิปปินส์มีการทำมัมมี่รมควันหรือมัมมี่ไฟ ร่างของคนโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเหล่านี้ทำให้นักวิจัยเข้าใจถึงวิธีการทำมัมมี่ที่ไม่เหมือนใครและวัฒนธรรมชนเผ่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่เตรียมไว้สำหรับพวกเขา หลังจากการค้นพบถ้ำที่มีมัมมี่ไฟอยู่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ถ้ำเหล่านี้มักถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีการป้องกัน และมัมมี่ที่อยู่ภายในก็ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของผู้ปล้นสะดม
ถ้ำมัมมี่ไฟในปัจจุบันถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดในโลก โดยในภูเขาที่ห่างไกลทางเหนือของฟิลิปปินส์ มีชาว Kabayan อาศัยอยู่ ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า Ibaloi พวกเขามีประเพณีโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง บนภูเขาทิมบัค ศพของบรรพบุรุษที่เก่าแก่ที่สุดหลายร้อยศพมีอายุย้อนไปถึงปี ค.ศ. 1200 มัมมี่ไฟหายากเพราะชาวฟิลิปปินส์และชาวบ้านทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องที่ตั้งของพวกเขา ทางเข้าถ้ำมีรั้วปิดล้อมไว้ นี่คือที่ที่มัมมี่นอนอยู่และถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในโลงศพดั้งเดิมตั้งแต่สมัยที่พวกเขาตาย
มีหลายสิ่งที่ทำให้มัมมี่รมควันแตกต่างจากมัมมี่ที่เก็บรักษาด้วยการพันผ้าและน้ำยาสำหรับดองศพ ขั้นตอนแรกของกระบวนการนี้กำหนดให้ผู้ที่กำลังจะเสียชีวิตมีส่วนร่วมด้วยการดื่มเครื่องดื่มรสเค็มที่จะช่วยให้ร่างกายของเขา/เธอขาดน้ำอย่างช้าๆ หลังจากนั้น ขั้นตอนต่อไปก็จะเกิดขึ้น กระบวนการนี้ซับซ้อนมากจนบางครั้งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ร่างกายจะถูกล้างให้สะอาดแล้ววางไว้เหนือแหล่งความร้อนเล็กน้อยในท่านั่ง ตำแหน่งนี้ทำให้ชาว Ibaloi สามารถใส่ศพเข้าไปในถ้ำที่คับแคบได้มากขึ้น
ศพไม่ได้สัมผัสกับไฟหรือเปลวไฟจริง ๆ พวกมันถูกรมควันจากไฟที่คุกรุ่น ความร้อนจากควันจะค่อยๆ ขจัดของเหลวทั้งหมดออกจากร่างของผู้ตาย ปล่อยให้แห้งและเหนียวเหนอะหนะ เมื่อด้านนอกของร่างกายแห้งสนิทแล้วก็จะทำการคายน้ำภายในศพโดยการเป่าควันบุหรี่เข้าไปในปากของศพ เพื่อให้แน่ใจว่าอวัยวะภายในจะแห้งเช่นกัน ต่อจากนั้นร่างกายที่รักษาไว้อย่างสมบูรณ์จะถูกถูด้วยสมุนไพรแล้ววางอย่างระมัดระวังในโลงศพไม้เล็กๆ ภายในถ้ำแห่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่ ประมาณปี ค.ศ. 1500
เมื่อชาวสเปนรุกรานและตั้งอาณานิคมในฟิลิปปินส์ นำโดยนักสำรวจชื่อดัง เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน กระบวนการทำมัมมี่รมควัน ร่วมกับการปฏิบัติแบบโบราณอื่นๆ เริ่มหายไป เพราะเริ่มมีการใช้รูปแบบยุโรปมากขึ้นนั่นเอง