มนตราวายสะ ตอนที่ 9 ครอบครอง (3)
|
+++++++++
วายสะจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองทิ้ง แล้วโน้มตัวลงไปดึงหญิงสาวที่นอนตาหวานฉ่ำปรือขึ้นมาจูบอีกครั้ง ขณะที่มืออีกข้างลูบไล้ต้นขาขาวนวลและค่อย ๆ หายเข้าไปใต้กระโปรงที่ถูกร่นขึ้นเพื่อสัมผัสกับความงามผ่านเนื้อผ้าลื่นบางเบา
“อืม...” สกุณาครางพร้อมกับหยัดตัวขึ้นรับสัมผัส ปากก็จูบตอบชายหนุ่มอย่างดูดดื่มเร่าร้อน และเธอคิดว่ามันเร่าร้อนมากที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมาในชีวิต ขณะที่มือก็ลูบไล้ไปทั่วร่างกายกำยำ แม้ในห้องจะมืดสลัว ๆ อาศัยเพียงแสงริบหรี่ที่ลอดเข้ามาจากช่องประตูที่ถูกแง้มเอาไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความสมบูรณ์แบบผ่านฝ่ามือน้อย ๆ ที่สั่นระริกเต็มไปด้วยความอายระคนอยากรู้อยากเห็น
“สัมผัสผมให้มากกว่านี้สิ” วายสะที่ผละจากริมฝีปากหวานฉ่ำบอกเสียงแหบพร่า วางมือตัวเองทาบทับบนมือบอบบางแล้วนำพามันเลื่อนต่ำลงไปสัมผัสกับความใหญ่โตร้อนรุ่ม “ทำอะไรกับมันก็ได้ตามที่คุณต้องการ” เขาพูดไม่ทันจะจบประโยคก็ต้องครางอย่างพอใจ เมื่อมือบอบบางลูบไล้ความร้อนนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
มันเป็นเครื่องหมายถึงการเป็นบุรุษเพศที่สมบูรณ์แบบ สกุณาโตจนป่านนี้แล้วรู้ดีว่าควรจัดการกับมันอย่างไร แต่ก็ยังไม่มีความกล้าพอที่จะลอง จึงทำในสิ่งที่ทำได้คือการใช้มือทั้งสองข้างสัมผัสมันสวนทางกับจังหวะที่วายสะขยับเข้าหา เพียงแค่นั้นมันก็ทำให้เธอใจเต้นระส่ำร้อนวูบวาบไปทั่วตัวราวกับเขากลืนกินเธอไปแล้ว
“แย่จังแค่มือนิ่ม ๆ ของคุณยังทำให้ผมคลั่งได้ขนาดนี้” วายสะกระซิบเสียงแหบพร่าจับมือทั้งสองข้างของสกุณาตรึงไว้เหนือศีรษะ ก้มลงบดจูบริมฝีปากอิ่มอย่างดูดดื่มนั้นอีกครั้งพร้อมกับค่อย ๆ สอดแทรกความร้อนแข็งขืนของตนเข้าไปในกายสาวอย่างอ่อนโยน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้หญิงสาวดิ้นและครางปนสะอื้น
“ผมทำให้คุณเจ็บหรือเปล่า” วายสะถามอย่างเป็นห่วง แม้ตอนนี้ถ้าหญิงสาวบอกให้เขาหยุด ก็คงไม่สามารถทำตามคำร้องขอได้
“นิดหน่อยค่ะ” สกุณาตอบเสียงแผ่ว เริ่มคลายความเจ็บเมื่อวายสะนิ่งให้เธอได้ปรับรับสิ่งแปลกปลอมในกายสาวของตน ก่อนเขาจะเริ่มขยับช้า ๆ พร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณโอเคนะ”
“ค่ะ” สกุณาจำได้ว่าหลังจากเธอตอบรับออกไปแล้ว ความรู้สึกตื้อ ๆ คับแน่นระคนเจ็บแปลบ ๆ ก็ค่อย ๆ ถูกความเสียวซ่านสะท้านทรวงที่วิ่งพล่านไปทั่วกายเข้ามาทดแทน ราวกับกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า โดยมีเขาโอบอุ้ม
พรึ่บ!
ปีกสีดำใหญ่สยายขึ้นบนหลังของวายสะอย่างตั้งใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นถึงตัวตนจริง ๆ ของเขา แค่ในช่วงเวลานี้เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“สวยจัง...” สกุณาครางราวกับละเมอ เธอกำลังอยู่ในความฝันแน่ ๆ ถึงได้เห็นอะไรแปลกประหลาดเช่นนี้ มันสีดำราวกับปีกยมทูต แต่ทำไมเธอรู้สึกว่ามันสวยราวกับปีกของเทพบุตร และยิ่งมันมาอยู่บนร่างกายที่สมบูรณ์แบบของผู้ชายคนนี้ มันยิ่งเป็นอะไรที่งดงามไร้ที่ติ คิดพลางยกมือที่ตอนนี้เป็นอิสระแล้วขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาที่มีเหงื่อผุดขึ้น แล้วโน้มมันลงมาเป็นฝ่ายเริ่มต้นการจูบที่ร้อนแรงก่อน
และการทำเช่นนี้ ทำให้วายสะถึงกับครางเสียงต่ำ พอใจในรสจูบนี้ยากจะหาอะไรเปรียบ มันหวานละมุนขณะเดียวกันก็ร้อนแรงดูดดื่มยิ่งกว่าการจูบครั้งไหน ๆ ให้ตายชีวิตนี้เขาจะไม่ขอแบ่งความรู้สึกนี้ให้กับใคร สกุณาคือผู้หญิงของเขา เขารักมานาน นับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจวบจนทุกวันนี้ หญิงสาวก็ไม่เคยเลือนหายไปจากใจ นับวันยิ่งจะเพิ่มความโหยหาและคิดถึง เมื่อเจอตัว ไหนเลยเขาจะยอมให้เธอตกไปเป็นของคนอื่น และวิธีนี้ก็น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“ให้ตายสิคุณจะทำให้ผมหลงไปถึงไหน” วายสะแกล้งตำหนิด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่มันเจือไปด้วยความรักใคร่ “แต่ผมจะทำให้คุณหลงยิ่งกว่า” พูดจบชายหนุ่มก็ล้มตัวลงนอนพร้อมกับจับหญิงสาวขึ้นนั่งคร่อมอยู่ด้านบน แล้วเร่งจังหวะรักถี่รัว สกุณาที่ตอนนี้ต้องใช้มือจิกที่แผ่นอกกว้างพร้อมกับเงยหน้าขึ้นร้องครวญครางหัวสั่นหัวคลอนขยับกายรับสัมผัสจากวายสะ
สัมผัสที่ซาบซ่าน รัญจวนใจ เสียวกะสันต์ที่อีกไม่นานมันก็จะทำให้เธอได้สัมผัสถึงความสุขสุดยอด
“ไม่ไหวแล้ว...” ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นร่างของเธอก็ถูกดึงลงไปนอนคว่ำอยู่บนที่นอน โดยมีวายสะตามประกบอยู่ด้านหลัง เขาดึงสะโพกของเธอขึ้นแล้วแทรกเข้าหากายสาวอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีการอ้อยอิ่ง มีเพียงบทเพลงรักที่ใกล้จะจบรัวเร็ว ทำให้ห้องทั้งห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นราคะ เสียงครวญครางแห่งความสุขผสานกันของคนทั้งคู่ปะปนกับเสียงของเนื้อกระทบเนื้อและเตียงที่แม้จะแข็งแรงแต่ก็มีเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งร่างทั้งสองเกร็งกระตุกทุกหยาดหยดของสายธารชีวิตถูกปลดปล่อย
“วันนี้เป็นวันที่ผมรอคอยและมีความสุขมาก” วายสะใช้นิ้วไล้แก้มของคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มแรง ๆ อีกครั้ง “ผมอยากให้คุณไปอยู่ด้วย”
“เดี๋ยวนะคะ คุณรวบรัดฉัน จนตั้งตัวไม่ทันแล้ว” สกุณาพลิกตัวนอนคว่ำส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่าย
“ผมชอบคุณ และตอนนี้คุณก็เป็นเมียผมแล้ว เลยอยากให้ย้ายไปอยู่กับผม” เขาให้เหตุผลสั้น ๆ
“กะทันหันไปไหมคะ และอีกอย่าง จู่ ๆ ให้ฉันไปอยู่ในบ้าน พ่อแม่พี่น้องคุณจะไม่ตกใจเหรอ” สกุณาถามเสียงกลั้วหัวเราะ เหมือนเขาจะทำอะไรลัดขั้นตอนไปเสียหมด
“ผมอยู่คนเดียว พ่อแม่เสียแล้ว ส่วนพวกพ้องรู้เรื่องของเราบ้างแล้ว นั่นไม่ใช่ปัญหา”
“ฉันขอเวลา...” เธอบอกออกไปในที่สุด และไม่รู้หรอกว่าเวลาที่ขอนั้นจะกินระยะยาวนานแค่ไหน ดีไม่ดีมันอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นได้ ถ้าหากจู่ ๆ วายสะเกิดเปลี่ยนใจ
“ได้ แต่อย่านานผมไม่อยากถูกแย่งคุณไป”
สกุณาขมวดคิ้ว “ใครจะมาแย่งค่ะ” เธอถามเสียงสูง
“ไอ้หมอนั่นไง ผมไม่ยอมหรอกนะ” วายสะทำหน้าเคร่งเมื่อเอ่ยถึงศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งของตัวเอง
“ฉันไม่ได้ชอบเขา” สกุณายืนยันเสียงหนักแน่นและไม่มีความลังเลให้เห็นแม้แต่น้อย
“งั้นก็ชอบผม”
“หลงตัวเอง”
“แล้วจริงไหมล่ะ”
“ไม่พูดด้วยแล้ว คุณเองก็กลับบ้านได้แล้วมั้งคะ”
“ขี้เกียจ ขอนอนนี่ละกัน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ดึงหญิงสาวมานอนกอด
“คุณนี่ ไปอาบน้ำเลย”
“คุณก็ยังไม่ได้อาบเหมือนกัน งั้นอาบด้วยกันประหยัดเวลาดี”
“ไม่เอา”
แม้จะปฏิเสธแต่สุดท้ายสกุณาก็โดนชายหนุ่มอุ้มเข้าห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี ไม่แม้แต่จะสนใจเสียงโอดครวญของเธอที่บอกว่าให้อาบทีละคน