มนตราวายสะ ตอนที่ 8 คู่หมั้น (1)
+++++++++
8
คู่หมั้น
“โทรไปทีไรบอกว่าไม่ว่าง ที่แท้ก็มาอยู่ที่นี่เอง” เสียงทักที่ดังมาจากข้าง ๆ ทำให้สุบรรณที่กำลังนั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์หันไปมองแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“มาได้ไง” ถึงอย่างนั้นเขาก็ถาม ทั้งที่พอรู้ละว่าหญิงสาวรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่จากใคร
ถ้าไม่ใช่คนของเขาเอง
“ฉันอยากรู้อะไรต้องได้รู้ รวมถึงเรื่องของผู้หญิงคนนั้น” มณฑิดากดยิ้มเยาะ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของสุบรรณ เธอก็ต้องรีบวางแก้วคอกเทลในมือ เมื่ออีกฝ่ายนอกจากจะไม่ยอมพูดเรื่องนี้แล้วยังจะลุกหนีอีก “จะไปไหนคะ”
“กลับบ้าน” ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“แต่คุณเพิ่งมานะคะ” มณฑิดาเข้าไปคว้าแขนของเขาเอาไว้
“ที่มาเพราะอยากจะดื่มแก้เบื่อ แต่ไม่คิดว่ามันจะน่าเบื่อหนักกว่าเดิม” สุบรรณปรายตามองคนที่เกาะเขาแจ โดยไม่ต้องพูดออกมาว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอย่างนั้นสาเหตุมาจากใคร
“นี่คุณว่าเพราะฉันเหรอ” มณฑิดาตวาดแว้ดถามอย่างไม่พอใจ ตั้งแต่เกิดมามีใครกล้ารำคาญผู้หญิงที่เลิศเลอเพอร์เฟคอย่างเธอบ้าง
“แล้วแต่จะคิด”
“สุบรรณ คุณจะทำแบบนี้กับว่าที่คู่หมั้นอย่างฉันไม่ได้นะคะ” มณฑิดาวางอำนาจอย่างที่เคยทำประจำ และมันก็ได้ผล
แต่นั่นกับคนอื่น
ไม่ใช่กับคนอย่างสุบรรณ
“ใครจะหมั้นกับคุณ” ชายหนุ่มหันมาถามเสียงเยาะ
“ผู้ใหญ่ของเราตกลงกันแล้ว”มณฑิดาบอกอย่างเป็นต่อ เธอไม่สนหรอกว่าการได้สุบรรณมาครอบครองนั้นอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่
“ใครเห็นดีด้วยก็ไปหมั้นกับคนนั้นสิ เพราะผมไม่เห็นด้วย” พูดทิ้งท้ายสุบรรณก็หมุนตัวเดินหนีทันที
“ไม่มีใครเหมาะสมจะเป็นคู่ชีวิตว่าที่ผู้นำอย่างคุณเท่ากับฉันอีกแล้ว” มณฑิดาเดินตะโกนตามหลังอย่างไม่ลดละ
“อยากเป็นคู่ชีวิตของผู้นำ หาเอาป้ายหน้าเลยน้องสาว” สุบรรณหันมายิงฟันพร้อมกับชี้มือไปข้าง ๆ มองผู้หญิงตรงหน้าอย่างสมเพช แล้วหนีขึ้นรถไป
“สุบรรณ” มณฑิดากระฟัดกระเฟียดตะโกนเรียกชายหนุ่มที่ขับรถออกไปอย่างหงุดหงิด “อย่าคิดว่าฉันจะยอม ยังไงคุณก็หนีฉันไม่พ้นหรอก”
แก้วตาที่วันนี้มาถึงก่อนสกุณาและยืนมองเพื่อนรักจากด้านในรีบถลาเข้าไปหาทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามา “วันนี้ฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่าระหว่างเธอกับพ่อหนุ่มสายดาร์คคนนั้นบรรยากาศรอบตัวมันดูฟุ้งฟิ้งมุ้งมิ้งแปลก ๆ นะว่าไหม”
“มุ้งมิ้งฟุ้งฟิ้งบ้าอะไรกัน” สกุณาปฏิเสธพลางอมยิ้มไม้กล้าแม้จะสบตาของเพื่อนรักที่มองมาอย่างล้อเลียนตรง ๆ พร้อมกับเดินเลี่ยงเอาของไปเก็บ
“ไม่มีเจ้าอีกาแล้วยังไปรับไปส่ง นี่แสดงว่าไงนะ” แก้วตายังคงเดินลอยหน้าลอยตาตามไปล้อ
“ไม่แสดงว่าไงทั้งนั้นแหละ”