มนตราวายสะ ตอนที่ 7 คะแนนนำและความลำเอียง (6)
+++++++++
“เลี้ยงง่ายนี่เอง” คนพูด พูดแบบไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งได้ยินคำถาม “อยากเลี้ยงไหมล่ะครับ” สกุณาจึงเงยหน้าขึ้นมอง และพอเห็นรอยยิ้มเหมือนมีเลศนัยถึงได้รู้ตัวว่าเผลอพูดเรื่องน่าอายออกไปแล้ว เมื่อเห็นกับข้าวในถ้วยจะหมด จึงแก้เก้อเขินด้วยการรีบลุกทันที “ฉันไปตักเพิ่มดีกว่า ยังเหลือใช่ไหมคะ”
“ครับ” วายสะมองตามอีกฝ่ายไปยิ้ม ๆ แล้วส่ายศีรษะ เมื่อเธอกลับมานั่งจึงชวนคุยในเรื่องที่เขาอยากรู้ “แล้วนี่คุณอยู่คนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ พ่อแม่ฉันตายเพราะอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน รถระเบิดโดนไฟคลอกตาย” สกุณายิ้มขืนเมื่อเล่าถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญ แม้มันจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม “หลายคนบอกเป็นเวรกรรมจากการสาปแช่งของพวกอีกาที่ท่านเคยดักจับแล้วเอาไฟเผา” หญิงสาวนึกถึงอีกเรื่องที่สะเทือนขวัญไม่แพ้กัน และจนทุกวันนี้เธอก็ยังไม่ลืม แม้พวกมันจะเป็นสัตว์แต่มันก็โหดร้ายเกินไป
“คุณเชื่อเหรอ” วายสะถามพลางเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้า
“เรื่องเวรกรรมอาจจะจริง แต่เรื่องสาปแช่งไม่น่าใช่”
“ดีใจที่คุณเข้าใจ” วายสะยิ้มอย่างพอใจ ถึงพวกเขาจะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความตาย แต่เชื่อเถอะว่าพวกเขาไม่สามารถสาปแช่งใครจนเป็นเหตุให้คนคนนั้นตายได้หรอก
“คุณพูดเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง” สกุณาหรี่ตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจับผิด จะว่ากันจริง ๆ ตั้งแต่เจอกัน เขาก็มีเรื่องชวนให้เธอสงสัยเกือบจะตลอด
“กินข้าวเถอะ” วายสะเลี่ยงพูดไปเรื่องอื่นพร้อมกับตักผัดกะเพราใส่จานของอีกฝ่าย
“อร่อย ไม่คิดว่าคนระดับคุณจะทำอาหารแบบนี้เป็น” สกุณาเอ่ยปากชมอีกครั้ง ผัดกะเพรากับเขาดูไม่เข้ากันเลยสักนิด
“ผมกินเป็น ก็ต้องทำเป็นสิ” วายสะว่าพลางยกเบียร์ขึ้นดื่มต่างน้ำ นอกจากนี้เขายังเปิดมันไปวางให้กับคนร่วมโต๊ะอีกหนึ่งกระป๋อง “ผมว่ากินแกล้มข้าวมันก็โอเคนะ” ชายหนุ่มยกกระป๋องเบียร์ขึ้นทำให้สกุณาจำต้องยกกระป๋องของเธอขึ้นไปชนแล้วดื่ม
และดื่มไปดื่มมาชักติดพันเลยกลับกลายเป็นว่า กว่าจะกินข้าวเสร็จเธอหมดเบียร์ไปถึงสองกระป๋อง นี่ไม่รวมกับที่นั่งดื่มขณะรอชายหนุ่มทำกับข้าวนะ ทำให้ตอนนี้สกุณาเลยเริ่มจะมึน ๆ
“ไม่ต้อง ผมทำเอง คุณไปนั่งรอข้างนอกเถอะท่าทางจะเมาแล้ว” ชายหนุ่มไล่และทำการเก็บโต๊ะ โดยคนที่เขาไล่ยังนั่งทำหน้ามึน ๆ ไม่ยอมลุกไปไหนจนบนโต๊ะว่างเปล่า รวมถึงจานชามที่ถูกใช้แล้วก็ถูกทำความสะอาดคว่ำอยู่บนตะแกรงเรียบร้อย
“ฉันนี่เป็นเจ้าบ้านที่น่าเกลียดที่สุดเลยว่าไหมคะ ให้แขกทำอาหารให้กิน แถมล้างจานชามให้ด้วย” สกุณาที่หน้าเริ่มแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์พูดพลางเงยมองหน้าชายหนุ่มที่ยืนมองเธอยิ้ม ๆ แล้วเดินนำออกไปที่ห้องนั่งเล่น
“ไหวหรือเปล่าครับ” วายสะมองหญิงสาวที่เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาพลางนวดขมับ แล้วอมยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ อย่างมากก็นอนมันที่โซฟานี่แหละ ถ้าคุณจะกลับก็กลับได้เลยนะคะ” ว่าแล้วเธอก็พาดศีรษะที่พนักโซฟา หลับตาแน่นเมื่อรู้สึกปวดหัว เธอไม่ได้ดื่มมานานแล้ว ล่าสุดจำได้ก็ตอนฉลองเรียนจบ กี่ปีมาแล้วล่ะนั่น
“รู้ไหมว่าจริง ๆ แล้วผมตั้งใจมอมคุณ” จู่ ๆ วายสะก็โพล่งออกมา ทำเอาคนที่หลับตาคอพับกับพนักโซฟาถึงกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง
“คุณ!” ยังไม่ทันที่สกุณาจะได้พูดต่อ วายสะก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ พร้อมกับยื่นนิ้วมาแตะที่ริมฝีปากแดง อีกทั้งตอนนี้เขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้มากจนเธอรู้สึกกลัวขึ้นมานิด ๆ
“นอกจากผม คุณห้ามให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาในนี้เด็ดขาด โดยเฉพาะไอ้หมอนั่น” พูดจบวายสะก็ลดนิ้วที่อยู่บนริมฝีปากอิ่มนั่นลงแล้วใช้ปากของตัวเองทาบทับลงไปแทน ใช้ปลายลิ้นเลาะเล็มรสขม ๆ ของเบียร์ ก่อนจะประกบบดจูบอย่างดูดดื่มสอดปลายลิ้นลึกเข้าในโพรงปาก แล้วเขาก็ต้องครางเสียงต่ำแหบพร่า เมื่อหญิงสาวใช้ปลายลิ้นเกี่ยวตวัดตอบรับ เหมือนเธอจะไม่เก่ง แต่เชื่อเถอะว่ารู้สึกดีกว่าจูบไหนในชีวิตของเขา และมันยังสามารถกระตุ้นความต้องการที่กักเก็บเอาไว้ให้ลุกพรึบขึ้น และมันต้องขาดสะบั้นแน่นอนถ้าเขาไม่หยุดเอาไว้เสียก่อน แม้จะแสนเสียดาย “คุณเป็นของผม” วายสะที่จำใจถอนจูบออกมากระซิบเสียงพร่าชิดริมฝีปากอิ่มที่ดูบวมนิด ๆ จากฤทธิ์จูบ
สกุณาที่หายใจหอบลืมตาขึ้นอย่างตกใจ ทั้งจากคำพูดของวายสะและตัวเองที่เผลอโอนอ่อนผ่อนตามเขาไป ก็ต้องหน้าร้อนผะผ่าวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีรัตติกาล จะเบือนหน้าหนีก็ไม่ได้เมื่อใบหน้าของเธอตอนนี้นั้นถูกตรึงด้วยมือใหญ่ ดังนั้นสิ่งที่พอทำแก้เขินได้คือการหลุบตาลงเท่านั้น
“เราเพิ่งเจอกัน ฉันจะไปเป็นของคุณได้ยังไง” หญิงสาวแย้งเสียงแผ่ว
“ผมจะกลับล่ะ” วายสะไม่ตอบแต่เลือกที่ปล่อยหญิงสาวและหยิบเสื้อสูทที่พาดไว้บนพนักโซฟา ก่อนเดินออกจากห้องเขาก็ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่ยืนมองเขาตาละห้อย “อย่ามองผมด้วยสายตาอย่างนั้น ไม่งั้นคืนนี้ผมจะนอนเป็นเพื่อนคุณจริง ๆ ด้วย”
“ฉันไม่ได้เสียดายซะหน่อย จะกลับก็กลับสิ” คนร้อนตัว ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอพูดความในใจออกไปเสียแล้ว นั่นทำให้วายสะถึงกับเปิดยิ้มกว้าง อดที่จะก้มลงไปจูบ คนปากกับใจไม่ตรงกันเบา ๆ ไปทีหนึ่ง
“ฝันดี พรุ่งนี้ผมจะมารับ” ชายหนุ่มบอกหลังจากผละออกจากริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างเสียดายนิด ๆ แต่ก็ต้องยอมตัดใจ เพราะมากกว่านี้เขานี่แหละจะอดใจไม่ไหว
“เดี๋ยวสิคะ” เธอดึงชายเสื้อเขาเอาไว้ ขณะที่อีกมือหนึ่งก็เผลอลูบปากที่เพิ่งโดนจูบ “ไม่มีเจ้าอีกาแล้ว ฉันไปเองได้ค่ะ”
“ผมไปส่งคุณ ไม่ได้ไปส่งเจ้าอีกา”
“แต่ว่า...” หญิงสาวคิดจะแย้ง เพราะเกรงใจ แต่ก็รีบหุบปากฉับเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของชายหนุ่ม
“ขัดขึ้นอีกทีผมจะไม่กลับแล้วนะ”
“ค่ะ”
“ค่ะนี่คือ...” วายสะเลิกคิ้ว ใช้มือค้ำพนักโซฟายื่นหน้าเข้าจนเกือบชิดคนที่เขาถามยิ้ม ๆ
“คุณกลับไปได้แล้วค่ะ”
เพียงเท่านั้นวายสะก็กดจูบที่หน้าผากมนนั้นเบา ๆ เป็นการส่งท้าย แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างว่าง่าย นั่นทำให้สกุณาที่ใจเต้นแรงแทบระเบิดถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ฮู่ว์...” แล้วยกมือลูบหน้าลูบตาของตัวเอง ราวกับเรียกสติที่เหลืออยู่ให้กลับมาให้หมด พร้อมกับบ่นพึมพำ “บ้าไปแล้ว เจอแค่ไม่กี่วันโดนปล้นจูบไปละ ถ้านานกว่านี้สงสัยฉันจะโดนปล้นหมดตัวแน่”
รวมไปถึงหัวใจด้วย...