ภาพเก่าหาดูยาก : มนุษย์จะรบกัน แต่ก็ลำบากโบ้เหมือนกันนะเนี่ย...ลำบากกันทั้งขนคน , ขนอาวุธ และ ขนสัตว์เลี้ยง
การเตรียมยุทธปัจจัยในสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น เต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยีทางการทหารพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อาวุธใหม่ ๆ เช่น ปืนกล ปืนใหญ่ รถถัง และเครื่องบิน ถูกนำมาใช้ในสมรภูมิเป็นครั้งแรก สิ่งเหล่านี้สร้างความท้าทายใหม่ให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลางในการจัดหายุทโธปกรณ์และฝึกอบรมทหารให้คุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ได้เป็นสงครามแบบรบเร็ว แต่เป็นการต่อสู้แบบตั้งรับยาวนานหลายปี
สิ่งนี้ทำให้ความต้องการยุทธปัจจัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลางจำเป็นต้องผลิตอาวุธ กระสุน อาหาร และเสบียงจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนทหารที่ประจำการอยู่ตามแนวรบต่างๆอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังต้องมีการเคลื่อนพลไปก่อตั้งค่ายพัก และ คูกำแพงเพื่อใช้ในการรบในหลากหลายสถานที่ แม้แต่ในสถานที่ๆเดินทางอย่างยากลำบาก
เพราะว่าสนามรบหลายแห่งในสงครามโลกครั้งที่ 1 ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่ทุรกันดาร การขนส่งยุทธปัจจัยไปยังแนวรบจึงเป็นเรื่องยากลำบาก ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลางต้องพึ่งพาระบบขนส่งทางรถไฟ เรือ และม้าในการลำเลียงเสบียงและอาวุธไปยังทหารที่ประจำการอยู่ตามแนวรบ และยังต้องใช้วิธีพิศดารต่างๆ ในการยึดครองแหล่งที่เป็นชัยภูมิดีๆ อย่างที่สูงๆ นั่นทำให้บางที หน่วยรบก็ต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขา และความยากลำบากในการนำกำลังพลไป จึงได้ปรากฏอย่างในภาพนี้แหล่ะจ้า...มนุษย์จะรบกัน ลำบากยัน โบ้ จริงๆเด้อครับเด้อ
ส่วนการใช้น้องหมาในสงครามนั้น ก็อาจจะไม่ได้ใช้ให้ออกไปรบโดยตรง แต่อาจจะเอาไว้เป็นยามคอยเฝ้า และระวังอะไรแปลกๆ ด้วยการดม และประสาทสัมผัสของสัตว์โลกที่มีมากกว่าคนเราอย่างแน่นอน, และเป็นเพื่อนยามเหงา ลดความเครียดให้กับทหาร (อันนี้ก็มีคุณค่ามากเลยนะครับ) , และอาจจะใช้สำหรับการเป็นผู้ช่วยให้ไปเอายาในพื้นที่ๆ เป็นพื้นที่ของหมอ และ พยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่เลย มันจะมีข้อตกลงกันนะครับ ว่าไม่ให้ทำร้ายน้องหมาและแพทย์พยาบาลพวกนี้กัน โดยตัวของหมาจะมีเครื่องหมายกาชาดครับ เป็นข้อตกลงร่วมกันของคู่สงครามทุกฝ่าย ยกเว้นประเทศแถวๆนี้ ที่กินหมา อาจจะใช้น้องหมาวิ่งยาไม่ได้ เพราะน้องหมาอาจจะตกเป็นเหยื่อโดนจับกินได้เหมือนกัน