ตลาดอสังหาริมทรัพย์ เมษายน 2567
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ เมษายน 2567
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
อสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เดือนเมษายน 2567 เปิดตัวลดลงกว่าเดือนก่อนกว่า 3 เท่า เนื่องจากติดวันหยุดยาว คาดว่าเดือนพฤษภาคม 2567 จะมีโครงการเปิดตัวเพิ่มขึ้นแม้อาจจะไม่มากเท่ากับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยบจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) สรุปภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในเดือนเมษายน 2567 มีโครงการเปิดขายใหม่รวม 16 โครงการ ซึ่งลดลงถึง 3 เท่า (เดือนมีนาคมที่ผ่านมามีโครงการเปิดขายใหม่ 53 โครงการ) โดยเป็นโครงการที่อยู่อาศัย 15 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายเปิดใหม่รวม 3,750 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 21,244 ล้านบาท
จำนวนหน่วยอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 3,750 หน่วย ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาประมาณ 58% เนื่องจากเป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องกันหลายวัน โดยประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ คือ อาคารชุด มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ 1,438 หน่วย (38.3%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 1,414 หน่วย (37.7%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 610 หน่วย (16.3%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดตามลำดับ
มูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนเมษายน 2567 นี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 21,244 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากเดือนที่ผ่านมาประมาณ 63% ซึ่งในเดือนนี้ลักษณะการพัฒนาที่อยู่อาศัย พบว่า อาคารชุดที่เข้าสู่ตลาดในเดือนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นระดับราคาปานกลาง ส่วนบ้านแนวราบจะมีระดับราคาปานกลางถึงระดับราคาสูง เป็นสำคัญ
ประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด คือ อาคารชุด 10,880 ล้านบาท (51.2%) รองลงมา คือ บ้านเดี่ยว 5,168 ล้านบาท (24.3%) ส่วนอันดับ 3 คือ ทาวน์เฮ้าส์ 3,923 ล้านบาท (18.5%) ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมดตามลำดับ ดังนั้นภาพรวมของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้ส่วนใหญ่ หากเป็นบ้านเดี่ยว จะเน้นที่ระดับระดับราคา 5-10 ล้านบาท บ้านแฝดที่ราคา 3-5 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์และอาคารชุดจะเน้นที่ราคา 2-3 ล้านบาท เป็นสำคัญ
การผลิตสินค้าในเดือนนี้เน้นไปที่ระดับราคาปานกลางเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตปรับตัวลดลงจากเดือนที่ผ่านมา ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงประมาณ 12.6% หรือราคาเฉลี่ยประมาณ 5.665 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 6.483 ล้านบาท สำหรับกลุ่มเป้าหมายเน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงขึ้นไปที่ไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ยังพัฒนาให้สอดคล้องกับมาตรการช่วยเหลือของรัฐด้วยเช่นกัน พิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 17.1% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 10.7%
หากพิจารณาตามระดับราคาขาย จะพบว่ามีสัดส่วนของจำนวนหน่วยและมูลค่าโครงการดังนี้
ระดับราคา จำนวน มูลค่าโครงการ
หน่วย (ล้านบาท)
1-2 ล้านบาท 9.6% 3.0%
2-3 ล้านบาท 51.0% 22.7%
3-5 ล้านบาท 13.1% 8.9%
5 ล้านบาทขึ้นไป 26.3% 65.5%
ในเดือนนี้ผู้ประกอบการร้อยละ 77 ของจำนวนหน่วยขายเป็นผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทในเครือ มีจำนวน 8 บริษัท คือ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) บริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ซึ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยหลายประเภททั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ อาคารชุด และโฮมออฟฟิศ ในระดับราคาค่อนข้างถูกจนไปถึงระดับราคาสูง
ในด้านทำเลที่ตั้ง จะพบว่า ทำเลที่มีการเปิดขายใหม่ สำหรับอาคารชุดจะตั้งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าโดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน และทำเลวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเปิดใหม่จะตั้งอยู่ในเขตชั้นกลาง พื้นที่ส่วนต่อขยายของเมือง และบริเวณแหล่งงาน เป็นต้น