ไข้หวัดสายพันธุ์เอ!โหดยิ่งกว่าโควิด!?
มีคุณแม่รายหนึ่งส่งข้อความถึงเพจเฟซบุ๊ก "สายไหมต้องรอด" โดยร้องขอความช่วยเหลือให้กับลูกวัยเจ็ดขวบที่ติดไข้หวัดสายพันธุ์A ที่นอนหมดสติมากกว่าสิบวันแล้ว โดยมีข้อความว่า
#เตือนภัยไข้หวัดสายพันธุ์A #แชร์ให้ถึงคุณหมอ แอดคะ ช่วยชีวิตลูกหนูด้วยค่ะ ลูกหนู อายุ 7 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนในพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ลูกหนูไปโรงเรียนเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.67 ไปได้แค่ 2 วัน พอวันที่ 7 มิ.ย.67 อยู่ๆก็ป่วยไข้ขึ้นสูงมากแล้วน้องก็หมดสติไปเลยค่ะ ไปถึง รพ.นครปฐม คุณหมอบอกว่าเป็น #ไข้หวัดสายพันธุ์Aชนิดขึ้นสมองเฉียบพลัน น้องนอนอยู่ในห้องไอซียู ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. จนถึงวันนี้ นอนหมดสติมา 11 วันแล้วยังไม่รุ้สึกตัวเลยค่ะ #คุณหมอบอกให้หนูทำใจ เพราะโรงพยาบาลรักษาเต็มความสามารถแล้ว คุณหมอบอกว่าเด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ A แบบนี้ที่มารักษาที่นี่ ยังไม่มีใครได้กลับออกไปเลย หนูฟังแล้วทำใจไม่ได้เลยค่ะ หนูไม่อยากเสียลูกไปค่ะ หนูขอให้ #เพจสายไหมต้องรอด ช่วยแชร์เรื่องของลูกหนูไปให้ถึง #คุณหมอ หรือ #โรงพยาบาล ที่พอจะมีวิธีช่วยชีวิตลูกหนูได้ หนูขอร้องช่วยชีวิตลูกหนูด้วยนะคะ
.
สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่( Influenza) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ มักจะมีการระบาดมากในช่วงฤดูฝน พบได้ทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กเล็ก เด็กโต วัยผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ไข้หวัดใหญ่จะแบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลักคือ สายพันธุ์ A สายพันธุ์ B และ สายพันธุ์ C โดยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ทำให้เกิดการเจ็บป่วยและเจอภาวะแทรกซ้อนได้รุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่น
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A จะมีระยะฟักตัวประมาณ 1-3 วัน โดยเชื้อไวรัสจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก และน้ำลาย หากมีการไอ จาม รดกัน หรือไปสัมผัสถูกสารคัดหลั่งเหล่านี้ของผู้ป่วย ก็จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นการสวมใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อยๆ การทำความสะอาดพื้นที่ที่เป็นจุดสัมผัสเสี่ยงสูง เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะสามารถลดการแพร่กระจายเชื้อได้
อาการที่พบได้หลังติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ไอ บางรายอาจจะมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย โดยปกติแล้วระยะการหายจากโรคจะอยู่ในช่วง 5- 7 วัน แต่บางรายก็อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หอบ เหนื่อย ปอดอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิตได้
กลุ่มคนที่ต้องเฝ้าระวังสังเกตอาการเป็นพิเศษจะเป็นคนชราที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบซึ่งมีภูมิต้านทานต่ำ หญิงตั้งครรภ์ คนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวเกิน 100 กิโลกรัมขึ้นไป หรือคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หอบหืด ทาลัสซีเมีย เป็นต้น






















