ประเทศไทยซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ ภูมิทัศน์ที่สวยงาม และการต้อนรับอันอบอุ่น ยังเป็นที่ตั้งของภาษาอังกฤษในรูปแบบที่มีเอกลักษณ์ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เจ้าของภาษาอังกฤษสับสนได้ "ภาษาอังกฤษแบบไทย" หรือที่มักเรียกกันว่า "Tinglish" (ติงลิช) เป็นการผสมผสานระหว่างโครงสร้างภาษาไทย ความแตกต่างทางวัฒนธรรม และคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ
แม้ว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการสื่อสารในประเทศที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้ แต่ก็สามารถนำไปสู่ความเข้าใจผิดที่น่าขบขันและสับสนได้เช่นกัน เรามาสำรวจแง่มุมทั่วไปบางประการของภาษาอังกฤษแบบไทยที่อาจขัดจังหวะเจ้าของภาษาและให้คำแนะนำเพื่อการโต้ตอบที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
1. แปลตรงๆ ผสม ไวยากรณ์ไทย
คนไทยเรามักจะยำระหว่าง การแปลคำศัพท์ กับ ไวยากรณ์ แบบภาษาไทย ยกตัวอย่างเช่น
"You go where?" แทน "Where are you going?" คุณจะไปไหน
"He very like Thai food" แทน "He really likes Thai food." เขาชอบอาหารไทยมาก
2. ไม่มี a หรือ an
ในหลักไวยากรณ์ภาษาไทยนั้น เราไม่ได้ใช้ a, an หรือ the มันก็เลยออกมาเป็น...
"I have car" แทน "I have a car." ฉันมีรถ
"He went to market" แทน "He went to the market." เขาไปตลาด
3. คำนามพหูพจน์
ในภาษาไทยนั้น คำนามไม่ได้เปลี่ยนรูปไปตามลักษณะของจำนวน แบบว่าจากเอกพจน์เป็นพหูพจน์ ที่จะต้องเติม s หรือ es หรือเปลี่ยนรูปคำศัพท์ไปเลย
"There are many book on the table" แทนที่ประโยค "There are many books on the table." มีหนังสือหลายเล่มบนโต๊ะ
1. Same Same
เซม เซม เป็นวลีที่ถูกนำมาใช้บ่อยมากโดยคนไทย เซม เซม หมายถึงอะไรที่มันดูเหมือนหรือคล้ายกัน แต่ฝรั่งที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลักอาจจะสับสนได้
“This shirt same same that one” หมายถึง “This shirt is the same as that one.” เสื้อตัวนี้เหมือนกับตัวนั้น
2. “Can” กับ “Cannot”
คนไทยใช้ can กับ cannot ไม่เหมือนกับต่างชาติ ที่มักจะชอบสลับตำแหน่งทางไวยากรณ์อยู่บ่อยๆ
“You can go?” แทนที่จะใช้ “Can you go?” คุณไปได้มั้ย?
“Cannot!” แทนที่จะใช้ “I can’t do it.” ทำไม่ได้
3. “No Have”
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการแปลแบบตรงตัว โน แฮฟ หมายถึง ไม่มี มันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้
“I no have money” แทนที่จะใช้ “I don’t have money.” ฉันไม่มีเงิน โนแฮฟ อ่ะ เข้าใจไหม?
ตัวอย่างที่ยกมาให้อ่านกันนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นของ ติงลิช Tinglish ยังมีบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://engduothailand.com/blog/