เด็กแอฟริกาถูกหลอกไปคัดตัวฟุตบอลในยุโรป สุดท้ายถูกบังคับค้าประเวณี
นับว่าเป็นความเลวร้ายอีกรูปแบบหนึ่งของขบวนการค้ามนุษย์เลยก็ว่าได้ เพราะในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา มีวิกฤติด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลแอฟริกัน รายงานบางฉบับอ้างว่า มีเด็กชาวแอฟริกันตกเป็นเหยื่อของการ ค้ามนุษย์มากกว่า 15,000 รายทุกปี ซึ่งถูกล่อลวงเพราะพวกเขาเชื่อว่าจะมีโอกาสเข้าไปเป็นนักเตะในสโมสรชั้นนำของยุโรป และกลายเป็นดาราดังเหมือนกับนักเตะชาวแอฟริกันระดับโลกหลายคน โดยเด็กเหล่านี้หวังออกจากทวีปแอฟริกันอันแสนยากจน เพื่อไปหารายได้ในสนามฟุตบอลของ อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส และเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม ความฝันของพวกเขากลายเป็นฝันร้ายอย่างรวดเร็ว เพราะแทนที่จะได้พิสูจน์ฝีเท้าในสนาม พวกเขากลับต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งไม่ใช่การติดอันดับ 11 ตัวจริง แต่คือการหาอาหารประทังชีวิต และหาที่ไหนสักแห่งเพื่อซุกหัวนอนแทน เพราะหลังจากใช้เงินมากมายเพื่อให้ได้ไปคัดตัวที่ยุโรป เหล่านักล่าฝันรุ่นเยาว์กลับพบว่าตนเองถูกคนที่พามาทอดทิ้งให้อยู่ลำพังในต่างแดน พวกเขาไม่สามารถไปไหนได้ และถูกบีบให้ทำงานเพื่อหาเงิน ซึ่งบรรดาเด็กชาวแอฟริกันที่โดนหลอกเหล่านี้มักถูกแก๊งอาชญากรรมท้องถิ่นบังคับให้ผลิตหรือขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว รวมไปถึงต้องค้าประเวณีด้วย
และปัญหานี้ “คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)” เคยออกรายงานในปี 2009 ว่า "การค้าทาสยุคใหม่ (Modern Slavery)” กำลังก่อตัวขึ้นในแอฟริกา ตามรายงานของ Culture Foot Solidaire (CFS) องค์กรการกุศลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ฟุตบอล มีคดีมากกว่า 7,000 คดีในฝรั่งเศสเพียงประเทศเดียว และเอเย่นต์ที่ทำผิดกฎหมายเหล่านี้ ได้เงินประมาณ 2,000 -6,500 ปอนด์ ต่อเด็ก 1 คน ที่พวกเขาหลอกมาทำงานในยุโรป ทั้งๆที่ประเทศต่างๆในยุโรปมีความพยายามที่จะขจัดการค้าทาสยุคใหม่ให้หมดไป แต่เป็นเรื่องยาก เพราะหลายฝ่ายมองว่า ความฟอนเฟะของกฎหมายในแอฟริกาทำให้เกิดปัญหานี้นั่นเอง ถือเป็นความเลวร้ายที่ความฝันของเด็กๆได้กลายเป็นเรื่องการค้ามนุษย์ในท้ายที่สุด