Overtourism: ปัญหาท่องเที่ยวล้นเมืองที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับญี่ปุ่นอย่างไรบ้าง
ญี่ปุ่นเป็นประเทศยอดฮิตของคนไทย และชาวต่างชาติทั่วโลก ในการไปท่องเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศหรือพักผ่อน แต่ขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังแต่ขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับปัญหานักท่องเที่ยวลุ้นเมือง หรือเรียกว่า overtourism
Overtourism หรือปัญหาการท่องเที่ยวมากเกินไปเป็นปัญหาที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญ และญี่ปุ่นก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นนั้นได้สร้างปัญหาหลายประการ ตั้งแต่ความแออัด มลพิษ การเสียหายของธรรมชาติ และผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
### ความแออัดในสถานที่ท่องเที่ยว
ญี่ปุ่นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากมาย เช่น โตเกียว เกียวโต โอซาก้า และภูเขาไฟฟูจิ แต่ละสถานที่นั้นดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาเยี่ยมชมจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้สถานที่เหล่านี้เกิดความแออัดอย่างมาก ตัวอย่างเช่นในช่วงฤดูชมดอกซากุระบาน สถานที่อย่างสวนอุเอะโนะ (Ueno Park) ในโตเกียว จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมความงามของดอกไม้ ทำให้การเดินทางและการถ่ายรูปกลายเป็นเรื่องยากลำบาก นักท่องเที่ยวต้องยืนรอคิวนานและมีพื้นที่จำกัดในการทำกิจกรรมต่างๆ
### ผลกระทบต่อธรรมชาติ
การท่องเที่ยวที่มากเกินไปส่งผลกระทบต่อธรรมชาติอย่างรุนแรง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือภูเขาไฟฟูจิ ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากปีนขึ้นไปเยี่ยมชม แต่กลับทิ้งขยะไว้เบื้องหลัง ทำให้เส้นทางเดินป่าเสียหายและธรรมชาติถูกทำลาย นอกจากนี้ ในเกียวโต นักท่องเที่ยวที่มาชมวัดและศาลเจ้าต่างๆ มักทำลายสิ่งก่อสร้างและธรรมชาติรอบๆ ด้วยการทิ้งขยะหรือทำลายสิ่งของที่มีค่า
### มลพิษและความไม่สะอาด
มลพิษเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดจากการท่องเที่ยวมากเกินไป นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ มักทิ้งขยะและสร้างมลพิษในรูปแบบต่างๆ เช่น การใช้รถยนต์และรถบัสที่ปล่อยไอเสีย หรือการทิ้งขยะลงบนพื้นดินและน้ำ ตัวอย่างเช่น ในเมืองโอซาก้า พื้นที่ท่องเที่ยวอย่างถนนโดตมโบริ (Dotonbori) มักเต็มไปด้วยขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้ ส่งผลให้เมืองเกิดความไม่สะอาดและเสียบรรยากาศในการเยี่ยมชม
### ผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น
ชุมชนท้องถิ่นที่อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวต้องเผชิญกับความไม่สะดวกและผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากการท่องเที่ยวมากเกินไป การท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทำให้ราคาที่พักและสินค้าต่างๆ ในท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้น ชาวบ้านต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การต้องปรับตัวกับความแออัดและเสียงรบกวนจากนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ วิถีชีวิตประจำวันของชาวบ้านยังถูกเปลี่ยนแปลงจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวที่มักไม่เคารพวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมท้องถิ่น
### การแออัดของระบบขนส่ง
ระบบขนส่งสาธารณะของญี่ปุ่นเช่นรถไฟและรถบัสต้องเผชิญกับความแออัดอย่างมากในช่วงฤดูท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้การเดินทางในเมืองใหญ่ๆ เช่น โตเกียวและโอซาก้ากลายเป็นเรื่องยากลำบาก รถไฟและรถบัสมักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้คนท้องถิ่นต้องเผชิญกับความไม่สะดวกในการเดินทางประจำวัน
### การทำลายขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมท้องถิ่น
นักท่องเที่ยวที่ไม่เคารพขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมท้องถิ่นมักทำให้เกิดความขัดแย้งกับชาวบ้าน ตัวอย่างเช่น ในเกียวโต มีรายงานว่านักท่องเที่ยวบางคนเข้ามาถ่ายรูปในบริเวณที่เป็นเขตห้ามถ่ายรูป หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในวัดและศาลเจ้า การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้ชาวบ้านรู้สึกไม่พอใจ แต่ยังทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น
### ความเสี่ยงทางสุขภาพ
การท่องเที่ยวมากเกินไปยังเพิ่มความเสี่ยงทางสุขภาพทั้งต่อนักท่องเที่ยวและชาวบ้าน การแออัดในสถานที่ท่องเที่ยวและระบบขนส่งสาธารณะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การท่องเที่ยวที่ไม่มีการควบคุมยังทำให้ทรัพยากรทางการแพทย์ในท้องถิ่นถูกใช้งานอย่างหนัก ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้น
### ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
แม้ว่าการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้ให้กับประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก แต่การท่องเที่ยวที่มากเกินไปยังทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ เช่น การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ระมัดระวัง การทำลายสิ่งก่อสร้างและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีค่า ซึ่งทำให้ต้องใช้งบประมาณในการซ่อมแซมและบำรุงรักษามากขึ้น นอกจากนี้ การท่องเที่ยวที่มากเกินไปยังทำให้ชาวบ้านต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
### ความท้าทายในการจัดการ
การจัดการปัญหา Overtourism เป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น การท่องเที่ยวที่มากเกินไปไม่เพียงแต่สร้างปัญหาในด้านต่างๆ ที่กล่าวมา แต่ยังทำให้ความสวยงามและคุณค่าของสถานที่ท่องเที่ยวลดลง ซึ่งอาจทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกไม่พึงพอใจและไม่อยากกลับมาเยี่ยมชมอีก
สรุป
Overtourism เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวมากเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสถานที่ท่องเที่ยว ธรรมชาติ ชุมชนท้องถิ่น ระบบขนส่งสาธารณะ และสุขภาพ การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและความร่วมมือจากหลายฝ่าย เพื่อให้การท่องเที่ยวสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
การที่ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจาก Overtourism นั้นเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญและต้องมีการวางแผนและดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ทั้งนี้เพื่อรักษาความงดงามและคุณค่าของสถานที่ท่องเที่ยว และเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อ้างอิงจาก: **บรรณานุกรม**
1. **Japan National Tourism Organization (JNTO).** (2023). *Tourism Statistics.* Retrieved from [https://www.japan.travel/en/statistics/](https://www.japan.travel/en/statistics/)
2. **World Tourism Organization (UNWTO).** (2022). *Overtourism: Understanding and Managing Urban Tourism Growth beyond Perceptions.* Retrieved from [https://www.e-unwto.org/doi/book/10.18111/9789284421930](https://www.e-unwto.org/doi/book/10.18111/9789284421930)
3. **Kyoto City Tourism Association.** (2023). *Managing Tourism in Kyoto.* Retrieved from [https://kyoto.travel/en/news/2019/1/5/Managing-Tourism.html](https://kyoto.travel/en/news/2019/1/5/Managing-Tourism.html)
4. **The Japan Times.** (2023). *Japan’s Struggle with Overtourism.* Retrieved from [https://www.japantimes.co.jp/news/2023/04/10/national/japan-overtourism-struggles/](https://www.japantimes.co.jp/news/2023/04/10/national/japan-overtourism-struggles/)
5. **Ministry of Land, Infras