สงครามกระดูก ขุดซากฟอสซิล
ในชีวิตคนเราต้องเคยเห็นหรือผ่านเหตุการณ์คนอาชีพเดียวกันทะเลาะกันเองมาบ้างไม่มากก็น้อย ทั้งจากประสพการณ์ส่วนตัว คนอื่นเล่าให้ฟังหรือจากหนังเกาหลี ซึ่งก็ทำให้เราเห็นถึงวิธีที่ฟาดฟันกันต่างกันออกไปแล้วแต่อาชีพ วันนี้จะขอเล่าถึงอาชีพอีกอาชีพหนึ่งซึ่งเราส่วนใหญ่แทบไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำนับประสาอะไรจะเห็นเขาทะเลาะกัน อาชีพที่พูดถึงนี้คือนักขุดฟอสซิล เป็นเรื่องราวที่ย้อนกลับไปในปี A706ค.ศ. 1877 โดยจุดเริ่มต้นและชนวนสงครามจากการขุดและค้นคว้าฟอสซิลไดโนเสาร์ยาวนานถึง 15 ปีของนักบรรพชีวินวิทยาสองคนระหว่าง เอ็ดเวิร์ด ดริงก์เกอร์ โคป และ ออทเนียล ชาลส์ มาร์ช ก่อนช่วงเวลาบาดหมางของทั้งคู่นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีและยังคงมีการให้เกียรติกันและกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปโดยพื้นฐานต้นทุนชีวิตและนิสัยของทั้งคู่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้ง โดยชนวนสงครามเกิดจากการร่วมกันหาฟอสซิล
เพราะในขณะนั้นมาร์ชได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์วิทยา ขณะนั้นโคปได้ค้นพบฟอสซิลสายพันธุ์ใหม่ แต่มาร์ชต้องการครอบครองฟอสซิลจึงติดสินบนเจ้าหน้าที่ของโคปเพื่อนำมาให้ตน เมื่อโคปรับรู้เรื่องราวจึงโกรธมากและทำให้จุดเริ่มต้นการปะทะทางความรู้ของนักวิทยาทั้งสองเริ่มต้นขึ้น ต่อมาทั้งคู่เริ่มเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์โจมตีตอบโต้กัน โดยมาร์ชเริ่มโจมตีด้วยบทความวิจัยถึงเรื่องการจัดเรียงฟอสซิลของโคป ซึ่งเป็นกระดูกส่วนหัวของสัตว์เลื้อยคลานทะเลอย่าง อีลาสโมซอรัส ที่มีลักษณะคอยาว แต่โคปนำกระดูกส่วนที่ควรจะเป็นคอไปต่อที่หางแทน บทความนี้สร้างความอับอายต่อโคปถึงขนาดไปกว้านซื้อหนังสือพิมพ์มาเก็บไว้เองทั้งหมดยิ่งเพิ่มความแค้นให้แก่เขาเข้าไปอีก ศึกของนักวิทยาทั้งสองดำเนินไปอย่างเข้มข้น ทำได้แม้กระทั่งทำลายหลุมขุดฝ่ายตรงข้าม และจากความเหนื่อยล้าและทุนทรัพย์ขาดแคลนของทั้งคู่เริ่มสูญเสียบ้านและมิตรสหาย จนในท้ายที่สุดโคปก็ได้เสียชีวิตไป แต่ผลงานของทั้งคู่นับว่ามีประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังเป็นอย่างมาก เพราะช่วงที่แข่งขันกันนั้น ทำให้ขุดเจอฟอสซิลเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเจอในยุคใดๆมาก่อนนั่นเอง