ทำไมสายการบินถึงไม่แจกให้ผู้โดยสารโดดร่ม
เทคโนโลยีเปรียบเสมือนดาบสองคม มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การพัฒนาเทคโนโลยีนั้น เราไม่สามารถตัดสินได้อย่างตายตัว เช่นเดียวกับเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส์สูญหายเมื่อปี 2014 สะเทือนใจผู้คนทั่วโลก หลายปีผ่านไป ยังมีผู้คนมากมายรอคอยให้คนที่พวกเขารักกลับมาบ้าน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์เครื่องบินตกเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยี และเริ่มหาวิธีป้องกันและแก้ไข หลายคนสงสัยว่าทำไมสายการบินถึงยอมจ่ายค่าชดเชยหลายพันล้านบาท แทนที่จะให้ผู้โดยสารโดดร่มหนีตาย? อะไรคือเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจนี้?
เหตุผลที่สายการบินไม่แจกให้ผู้โดยสารโดดร่ม
1. การโดดร่มไม่ใช่เรื่องง่าย
ภาพยนตร์และละครมักแสดงฉากผู้โดยสารโดดร่มหนีตาย ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าการโดดร่มนั้นง่าย เพียงแค่เปิดร่มชูชีพเท่านั้น แต่ความเป็นจริง การโดดร่มเป็นกีฬาผาดโผนที่ต้องอาศัยทักษะและร่างกายที่แข็งแรง ผู้โดยสารทั่วไปที่ไม่มีประสบการณ์การโดดร่ม ยากที่จะรอดชีวิตหากต้องโดดร่มจากที่สูง
2. ความสูงที่เหมาะสมสำหรับการโดดร่ม
การโดดร่มมีข้อจำกัดด้านความสูง เครื่องบินโดยสารบินที่ระดับความสูงหลายพันเมตร อากาศเบาบางและหนาวเย็น การโดดร่มจากความสูงนี้ เสี่ยงต่อภาวะขาดออกซิเจนและอุณหภูมิร่างกายต่ำ
3. ความเสี่ยงจากตัวเครื่องบิน
เครื่องบินที่ตก มักมีสภาพเสียหายและหมุนคว้าง ผู้โดยสารที่โดดร่มลงมาอาจถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนของเครื่องบินที่แตกหัก เสี่ยงต่ออันตรายร้ายแรง
4. ความรับผิดชอบของสายการบิน
สายการบินมีหน้าที่หลักในการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางอากาศ การแจกให้ผู้โดยสารโดดร่ม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออันตราย
5. สถิติความปลอดภัยทางอากาศ
แม้จะมีเหตุการณ์เครื่องบินตกเกิดขึ้น แต่สถิติโดยรวมแล้ว การเดินทางโดยเครื่องบินยังเป็นวิธีการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดวิธีหนึ่ง
เทคโนโลยีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การพัฒนาเทคโนโลยีนั้น เราควรพิจารณาอย่างรอบคอบ การเดินทางโดยเครื่องบิน แม้จะมีความเสี่ยง แต่โดยรวมแล้ว ยังเป็นวิธีการเดินทางที่ปลอดภัย ผู้โดยสารควรปรับมุมมอง มองโลกในแง่ดี และไม่ควรกลัวการเดินทางโดยเครื่องบินจนเกินไป