ไปต่างประเทศใช้บัตรไหนดี บัตรเครดิต vs บัตรเดบิต vs travel card
ปัจจุบันการเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศง่ายและสะดวกขึ้นมาก จะเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่หนาแน่นอยู่ในสนามบิน สิ่งหนึ่งที่ต้องทำในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศก็คือการแลกเงิน ที่มีวิธีการที่สะดวกมากขึ้นจากเดิมที่ต้องพกเงินสดไปแลกเป็นเงินสกุลของประเทศที่จะเดินทางไป เช่น แลกเงินเยนเพื่อไปใช้ที่ญี่ปุ่น หรือแลกเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อไปใช้ที่อเมริกา เป็นต้น แต่ทุกวันนี้เริ่มเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless) แบบเต็มตัว หลายๆธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งสามารถใช้ บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือ Travel Card ในการใช้จ่ายค่าบริการหรือซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้แทบทั้งหมด มาดูกันว่าบัตรแต่ละใบมีข้อดีหรือข้อเสียอะไร ที่แตกต่างกันบ้าง
บัตรเครดิต (Credit Card)
คือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ที่ธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงินต่าง ๆ ออกให้ เพื่อใช้จ่ายแทนเงินสด และต้องชำระคืนภายในเวลาที่กำหนด
ข้อดี :
สามารถใช้จ่ายอะไรก็ได้ กับร้านค้าหรือบริการใด ๆ ก็ได้ที่รองรับ ตามวงเงินในบัตร โดยไม่ต้องจ่ายเงินทันที รอใบแจ้งหนี้มาแล้วค่อยจ่าย ใช้รูดปื๊ดไปก่อนแล้วค่อยจ่ายทีหลัง และถ้าจ่ายเงินคืนได้ครบตามจำนวนเงินที่รูดไปตรงเวลา ก็ไม่เสียค่าดอกเบี้ยด้วย
มีความปลอดภัยในการใช้จ่าย โดยเฉพาะกับสินค้าที่มีราคาแพง เพราะไม่ต้องพกเงินสดเป็นจำนวนมาก บัตรเครดิตมักมีคะแนนสะสมแต้มผ่านการใช้งาน หรือเครดิตเงินคืนเมื่อใช้จ่าย บัตรบางใบอาจมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ฟรีประกันการเดินทาง การใช้บริการเลาจ์ของสนามบินฟรี เป็นต้น
หากต้องการยกเลิกการทำรายการชำระค่าสินค้าหรือบริการ ก็สามารถทำได้ เพียงติดต่อสถาบันการเงินที่ออกบัตรให้ โดยปกติจะได้รับเงินคืนเข้าบัตรเครดิตค่อนข้างรวดเร็วภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งบัตรเครดิตแต่ละใบมีเงื่อนไข และระยะเวลาคืนเงินไม่เหมือนกัน ควรศึกษาข้อมูลก่อนทุกครั้ง
กรณีบัตรหายหรือบัตรถูกขโมยแล้วนำไปใช้ สามารถโทรอายัดและปฎิเสธการชำระเงินที่เกิดขึ้นจากการที่บัตรถูกผู้อื่นนำไปใช้ได้
ข้อเสีย :
ก่อนใช้จ่ายที่ร้านค้า ต้องดูให้ดี เพราะบางร้านอาจไม่รับบัตรเครดิตหรือบางร้านอาจจะรับเฉพาะบางบัตร ประเภทบัตรเครดิตหลักก็มี VISA, MasterCardและ JCB
มีการคิดค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินตราต่างประเทศ เป็นเงินบาทในอัตราไม่เกินร้อยละ 2.5 จากยอดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และเรทการเปลี่ยนแปลงค่าเงินก็จะเป็นเรทที่มักจะสูงกว่าเรทการแลกเงินสดตามร้านแลกเงิน การรูดปื๊ด รูดปื๊ดในต่างประเทศ จะเห็นว่าตอนที่บัตรเครดิตเรียกเก็บเงินจะมียอดเงินที่สูงกว่ายอดเงินที่เราคำนวณไว้ตอนซื้อ อ่านต่อได้ที่ https://board.postjung.com/1519142
เสียค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดในต่างประเทศ
บัตรเดบิต (Debit Card)
คือบัตรที่ผูกไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร เพื่อใช้ทำรายการถอน ฝาก โอนเงินผ่านทางตู้ ATM รวมถึงชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ
ข้อดี :
การใช้บัตรเดบิต ช่วยให้เบิกถอนเงินสด ออกมาใช้ได้อย่างสะดวก ผ่านทางตู้ ATM ของประเทศนั้น ๆ
สามารถใช้รูดซื้อสินค้าหรือบริการได้เหมือนบัตรเครดิต โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่จะเป็นการหักเงินจากบัญชีเงินฝากทันที รูดปุ๊บตัดปั๊บ จึงช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย เพราะใช้เงินได้เท่าที่มีจริงๆ
ข้อเสีย :
เงินจะถูกตัดออกจากบัญชีทันที ดังนั้นต้องมีเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีมากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด
หากมีข้อผิดพลาด แล้วต้องการจะยกเลิกการชำระเงินจะทำได้ยาก อาจจะต้องเสียเวลาเป็นเดือน ๆ กว่าจะได้ยอดเงินที่ตัดไปแล้วกลับคืนมา
การทยอยกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศ ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการกดเงินแต่ละครั้งสูง และค่าเงินก็จะถูกแปลงตามเรทของธนาคารซึ่งมักจะสูงกว่าเรทแลกเงินสดทั่วไป
หากใช้รูดซื้อสินค้า ต้องเสียค่าความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน ร้อยละ 1 – 2.5 จากยอดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ถ้าบัตรหายหรือถูกขโมยแล้วนำไปใช้ สถาบันการเงินผู้ออกบัตรจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนที่จะแจ้งอายัดบัตร เพราะบัตรนี้เปรียบเหมือนเงินสด บัตรหายก็เหมือนเงินหาย
Travel Card
คือบัตรเดบิตที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ รูดจ่ายค่าสินค้า/บริการ หรือกดเงินจากตู้ ATM
ข้อดี :
เติมเงินเข้าบัตรไปเท่าไร ก็จะใช้เที่ยวต่างประเทศได้เท่านั้น ควบคุมค่าใช้จ่ายและไม่ปะปนกับเงินฝากในบัญชี
สามารถจัดการแลกเปลี่ยนเงินในบัตรเป็นสกุลเงินใด ๆ ก็ได้ที่บัตรรองรับได้ด้วยตัวเอง ผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบออนไลน์
ไม่ต้องเสียค่าความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน
แลกเงินเก็บไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงที่อัตราแลกเปลี่ยนดี และเมื่อนำไปใช้จ่ายจะคิดตามเรทในวันที่ใช้
ข้อเสีย :
หากรูดซื้อสินค้าผิดพลาด เงินในบัตรก็จะถูกหักออกไปเลย
มีค่าธรรมเนียมในการออกบัตร แต่ส่วนใหญ่หลายธนาคารจะออกโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมออกบัตรและค่าธรรมเนียมรายปี
ไม่รองรับทุกสกุลเงิน โดยปกติ Travel Card จะรองรับสกุลเงินหลักๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยูโร (EUR) เยนญี่ปุ่น (JPY) และสกุลเงินของประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมอื่น ๆ
ถ้าบัตรหายหรือถูกขโมยแล้วนำไปใช้ สถาบันการเงินผู้ออกบัตรจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนที่จะแจ้งอายัดบัตร เพราะบัตรนี้ก็เหมือนกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินสด ถ้ากระเป๋าสตางค์หายคนเก็บได้เอาเงินไปใช้ก็ไม่สามารถตามเงินคืนได้
ทั้งหมดนี้คือบัตรที่สามารถนำไปใช้ขณะท่องเที่ยวต่างประเทศทั้ง 3 ประเภท แต่ละบัตรก็มีข้อดีและข้อเสียในการใช้งานที่ต่างกัน ก็ลองเปรียบเทียบดูว่าไปเที่ยวต่างประเทศครั้งต่อไปอยากจะเลือกใช้บัตรใบไหน
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
ย้อนวันวาน “ศูนย์อาหารมาบุญครอง พ.ศ. 2535” ต้นแบบฟู้ดคอร์ทไทย จากคูปองเงินสด สู่ยุคสแกนจ่ายในปลายนิ้ว
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
โค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี! คลังเร่งประชาชนใช้สิทธิ “คนละครึ่งพลัส” ภายใน 19 ธ.ค. นี้ หนุนร้านค้าชุมชนรับเงินเพิ่ม 2,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศ
วิเคราะห์หวย AI น่าจะออกรางวัลงวด 16 ธันวาคม 2568
🎓 สาวเนิร์ดจากรั้วมหา'ลัยดังญี่ปุ่น สู่เส้นทาง AV เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความต้องการ 'สุดโต่ง' 💥
ประธานสมาคม ตามไปตำหนินักกีฬา ถึงกับร้องไห้โฮ ในซีเกมส์ครั้งที่ 33
เลขเด็ด "เจ้าแม่ตะเคียน" งวดวันที่ 2 มกราคม 69 มาแล้ว!..เลขไหนเข้าวิน ส่องเลย!
ถอดบทเรียนโศกนาฏกรรมบางนา-ตราด "สะพานลอยไทย แข็งแรงแค่ไหน ?"
ผลตรวจทางการแพทย์สวนทางคำอ้าง: Tokyogurl กับบทสรุปความจริงเบื้องหลังพฤติกรรม "เล่นทิพย์
ผลตรวจทางการแพทย์สวนทางคำอ้าง: Tokyogurl กับบทสรุปความจริงเบื้องหลังพฤติกรรม "เล่นทิพย์
[l8+]เปิดวาร์ปหนังlอวี แนวครอบครัว บอกเลยว่าเด็ด!!!
เจนนี่ประกาศยกเลิกตลาดใจแป้วเนื่องจากยอดไลฟ์ตก และคืนดีแม่ พร้อมเผยนานาขอโทษเกี่ยวกับคอนเสิร์ตที่ล่ม
เที่ยววัดกู้ นนทบุรี แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายที่สายมูห้ามพลาด
10 สถานที่ท่องเที่ยวในสมุทรปราการ เมืองใกล้กรุงที่น่าไปซ้ำ
🌿 Oleander Hawk-Moth ผีเสื้อราตรีเหยี่ยวนารันจา งามดั่งภาพวาดมีชีวิต นักพรางตัวแห่งรัตติกาล
ย้อนวันวาน “ศูนย์อาหารมาบุญครอง พ.ศ. 2535” ต้นแบบฟู้ดคอร์ทไทย จากคูปองเงินสด สู่ยุคสแกนจ่ายในปลายนิ้ว