ช่วยแผ่นดินไหวเนปาล28:ปั้นองค์พระพิฆเนศ
แล้วคุณหมอฝึกหัดอย่างเรา ก็ทำหน้าที่แปลให้ฮารี่ฟังโดยละเอียด ว่ายาแต่ละตัวมีคุณสมบัติ และกินอย่างไร เมื่อไหร่ ฮารี่บรรจงเขียนเป็นภาษาเนปาลีไว้หน้าซอง พ่อกับแม่มานั่งดูด้วยความสนใจและดีใจมาก พ่อจะเอายาไปไว้ที่ผู้นำชุมชนส่วนหนึ่ง และเก็บไว้แจกจ่ายให้กับบ้านเรือนละแวกนี้ส่วนหนึ่ง เสร็จจากคลินิกเฉพาะกิจแล้ว ก็เป็นกิจกรรมปั้นองค์พระพิฆเนศ เพราะน้องเปรยๆ ว่าดินที่นี่ดีมาก เหมาะแก่การปั้นเซรามิคทำข้าวของเครื่องใช้ พ่อแม่อยากเห็นเพราะไม่เข้าใจว่า จากดินที่เหยียบย่ำอยู่ทุกวัน จะกลายเป็นเครื่องปั้นได้อย่างไร
แล้วลานกลางบ้านก็กลายเป็นลานนวดดินและปั้นองค์พระพิฆเนศ ปัญหาคือระยะเวลา ที่จริงๆแล้วต้องนวดดินทิ้งไว้อย่างน้อยคืนนึง ถึงจะเอามาปั้นให้ขึ้นรูปได้ แต่เรามีเวลาแค่บ่ายนี้เท่านั้น น้องพยายามปั้นถ้วยอยู่หลายครั้ง แต่ก็ขึ้นรูปไม่ได้แตกพังเสียก่อน เลยต้องเอาขี้เถ้าเป็นตัวช่วยประสาน เลยพอจะปั้นเพื่อขึ้นรูปเป็นตัวองค์พระพิฆเนศกันได้ พ่อนั่งดูด้วยสายตาสนใจเอามากๆ พ่อคงแทบจะไม่เชื่อว่า เด็กพวกนี้ ที่เพิ่งวิ่งจับกว่างจะปั้นองค์เทพได้ ถูกใจแม่เป็นพิเศษ เพราะท่านนับถือพระพิฆเนศมาก แล้วพระพิฆเนศสามองค์ ก็ขึ้นรูปโดยท่านศิลปินทั้งสาม เสร็จแล้วเหลือแต่ทิ้งไว้ให้แห้ง รอก่อไฟเผาคืนนี้เพราะนั่นคือเตาเผาเซรามิคจำเป็น ในเวลานี้ที่ดีที่สุด ไม่มีใครเดาออกว่าจะออกมาเป็นอย่างไรดินก็ไม่ได้นวดทิ้งไว้ ค่ำนี้ยังไงก็ยังไม่แห้งดี อีกทั้งยังไม่มีเตาเผาอีก...เดี๋ยวรู้กัน
ช่วงบ่าย เลยเป็นชั่วโมงนอนหลับ แข่งเสียงกรนกันระหว่างบาบูเนปาลีและบาบูไทย ก็น่าจะต้องเป็นอย่างนั้น ให้ร่างกายได้พักจริงๆ บ้างโดยเฉพาะน้องที่เจ็บหลัง ไม่เว้นแม้แต่ฮารี่ ซึ่งก็ดูล้าไม่แพ้พวกเรา เลยพากันหลับกลางวัน ลืมเวลาไปเลย พ่อน่าจะดูต้นไม้และแปลงผักอยู่รอบๆ บ้าน แม่ก็เดินเข้าออกห้องครัว เอาอันนั้นอันนี้มาล้างทำไม่หยุด เราเองก็ได้เอนตัวพักร่างก็คราวนี้ ดูเด็กทั้งสามมีความสุขมีชีวิตชีวากันมากขึ้นที่นี่ พื้นที่ธรรมชาติรอบข้าง พืชพรรณก็อุดมสมบูรณ์อยากกินอะไรก็ไปเด็ด น้ำใสเย็น ไหลแรงตลอดเวลา มีแพะไว้ให้อาหาร มีควายไว้ผลิตนมสดและโยเกริ์ต วิวสวยกว่ารีสอร์ทรอบข้าง ที่น้องขึ้นไปวาดรูปบนเนินเขาเท่าไหร ก็วาดไม่หมด อากาศบริสุทธิ์ที่นี่ ทำให้โยนหน้ากากอนามัยกันฝุ่นทิ้งไป มีพ่อกับแม่คอยดูแลพวกเราอย่างเมตตา
ที่นี่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา ทุกคนดูผ่อนคลาย ยิ้ม หัวเราะ และร้องเพลงกันบ่อยขึ้น ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งหนึ่งในโลกนี้ มีพลังมหาศาลในการเยียวยาปลอบประโลมและดูแลกันเสมอ ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมพ่อกับแม่จึงดูมีความสุขและแข็งแรงในหมู่บ้านเล็กๆ หลังเขาแห่งนี้ พวกเราเองหากไม่มีสถานะการณ์ขาดน้ำมัน ก็คงขออยู่ที่นี้ต่ออีกหลายวัน แทนที่จะไปผจญอยู่ในเมืองหลวง
แต่ในขณะเดียวกัน ธรรมชาติก็กลับกลายเป็นภัยพับัติสร้างความทุกข์ระทมสุดๆ ให้กับมนุษย์ได้ในคราวเดียวกัน เช่นที่เพิ่งเกิดขึ้นที่นี่กับครอบครัวนี้ กับบ้านหลังงามตรงหน้านี้ มนุษย์เราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ทุกอย่างล้วนมีเหตุทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องเร่งหาบทสรุป ว่าอะไรเป็นเหตุให้เกิดอะไร ตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบหาคนที่ผิดและถูกอยู่ตลอดเวลา ถ้าแค่ช่วยกันร่วมสร้างเหตุดี หยุดการทำร้ายกันหยุดทำร้ายธรรมชาติบ้าง เชื่อว่าต้องส่งผลดีแน่แท้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่นัยใดก็นัยหนึ่ง...
**ข้อความทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน
เว็บไซต์ส่วนตัว https://tenlavenders.softr.app/