ผีอีเม้ยจากละครสู่ตำนานเรื่องจริง
หากใครได้ดูละครย้อนยุคอย่างรอยไหมแน่นอนตัวละครนอกจากพระเอกนางเอกแล้วก็ผีอีเม้ยที่เรียกว่าแย่งซีนความเด่นดังของพระเอกนางเอกไปได้ที่เดียวแต่รู้มั๊ยว่าผีอีเม้ยมีเรื่องราวอ้างอิงมาจากเรื่องเล่าของคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่..เอาเป็นว่าเรามาดูกัน"ตำนานผีอีเม้ย เรื่องจริงที่ทำเป็นละคร..คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่"
มีตำนานความหลอนที่ลือกันว่าเป็นเรื่องจริงในอดีต เคยถูกนำไปทำเป็นละครหรือภาพยนตร์มาบ้างแล้ว หนึ่งในนั้นคือละครเรื่องนึงที่ฉายทางช่อง 3 เมื่อประมาณสิบปีก่อน
ละครเรื่องนี้พูดถึง "ผีอีเม้ย" ตัวละครนึงในเรื่อง"รอยไหม" ที่แสดงโดย "ชุดาภา จันทเขตต์" น้อยคนนักจะรู้ว่าผีอีเม้ยนั้นแท้จริงไม่ได้มีแต่ในละคร แต่ว่ามีตัวตนจริงๆ..!!
โดยที่วันนี้จะนำเรื่องราวของ "ผีอีเม้ย" นำมาเล่าให้ฟังกัน
ก่อนอื่นคงต้องขอย้อนประวัติ ไปที่คุ้มแห่งนึงซึ่งอยู่ทางภาคเหนือก่อน โดยที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็นคุ้มที่เฮี้ยนที่สุดแห่งหนึ่งในไทย..
ทำไมถึงเฮี้ยนและน่ากลัว ก็เพราะเมื่อก่อนมีคนตายที่นี่มากมายมหาศาลเลยหล่ะซิ..!!
คุ้มดังกล่าวสร้างขึ้นเมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อน (ปี พ.ศ.2435) โดยเจ้าหลวงพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย ใช้เพื่อเป็นสถานที่ราชการ รับแขก ไปจนถึงใช้เป็นเรือนส่วนตัว ซึ่งในขณะนั้นเมืองแพร่ถือเป็นหัวเมืองประเทศราชนึงของสยาม ดังนั้นนอกจากเมืองแพร่จะมีเจ้าเมืองปกครองตัวเองแล้ว ก็จะมีข้าหลวงจากกรุงเทพซึ่งถูกส่งขึ้นมาดูแลราชการควบคู่ไปด้วย ในฐานะเมืองประเทศราชนั่นเอง
จึงทำให้ในทุกๆ 3 ปี เมืองแพร่จะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการไปยังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.5)
ซึ่งเหตุการณ์ตรงนี้ได้กลายเป็นต้นเรื่องและที่มาของตำนาน "รอยไหม"
โดยเครื่องราชบรรณาการที่ทางเมืองแพร่ให้ความสำคัญและถูกพระทัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมากในตอนนั้นคือ "ผ้าไหม" ที่ปักลวดลายอย่างสวยงาม ด้วยฝีมือของแม่เจ้าบัวไหล ชายาองค์ที่ 2 ของ เจ้าหลวงพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่
และว่ากันว่าแม่เจ้าบัวไหล เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการทอผ้าไหม รวมถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ขนาดเคยปักคาถาลงในผ้าไหมเพื่อใช้เป็นเครื่องสักการะพระพุทธรูป ซึ่งผ้าไหมผืนดังกล่าวก็ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
เมืองแพร่สมัยนั้นอยู่อย่างสงบร่มเย็นมาตลอด จนกระทั่งปี พ.ศ.2445 ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ "กบฏเงี้ยว ปล้นเมืองแพร่" ส่งผลให้เจ้าหลวงพิริยเทพวงษ์ได้ลี้ภัยทางการเมืองไปยังเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และไม่ได้กลับมาอีกเลย
ส่วนทางด้านแม่เจ้าบัวไหล ก็ถูกควบคุมตัวไปอยู่ที่กรุงเทพ โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นยังทำให้ เจ้าแม่เวียงชื่น พระธิดาของเจ้าหลวงพิริยเทพวงษ์ พร้อมสวามีและข้าทาสในเรือนรวมกว่า 40 คน ตัดสินใจกินยาตายรวมกันในคุ้มแห่งนี้..!!
และนี่คงเป็นสาเหตุที่ภายหลังคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นคุ้มที่เฮี้ยนที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะครั้งนึงเคยมีคนมาฆ่าตัวตายพร้อมกันที่นี่มากมายนั่นเอง..!!
จนมาภายหลังเหตุการณ์กบฏเงี้ยวคุ้มเจ้าหลวงมีการเปลี่ยนมือผู้ดูแลไปหลายหน่วยงาน ทำให้พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ภายในคุ้ม ว่ามีการพบผ้าไหมอยู่ผืนนึงที่ยังทอไม่เสร็จ ภายหลังทราบว่าคือผ้าไหมที่แม่เจ้าบัวไหล ทอเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ยังไม่แล้วเสร็จก็เกิดกบฏเงี้ยวเสียก่อน
ซึ่งหลังจากแม่เจ้าบัวไหล ถูกควบคุมตัวไปอยู่ที่กรุงเทพนั้น ในบั้นปลายของชีวิตก็ได้รับพระบรมราชานุญาตให้กลับคืนบ้านเมืองได้ โดยแม่เจ้าบัวไหลได้กลับไปประทับกับราชธิดาองค์เล็กและบุตรเขย ที่จวนข้าหลวงจังหวัดเชียงราย และได้พิราลัยที่นั่นเมื่อปี พ.ศ. 2475 รวมสิริชนมายุได้ 85 ปี ส่วนผ้าไหมที่ยังทอไม่เสร็จผืนนั้น ก็ยังถูกเก็บอยู่ในคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่จนถึงปัจจุบัน
คุ้มเจ้าหลวงแห่งนี้ ปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เป็นแหล่งท่องเที่ยว และเคยใช้เป็นที่ประทับแรมของเจ้านายหลายพระองค์
ส่วนตำนาน "ผีอีเม้ย" หนึ่งในละครดังเรื่องรอยไหม หากใครได้ศึกษาประวัติคุ้มเจ้าหลวงแห่งนี้มาอย่างดี จะทราบว่า "ผีอีเม้ย" ไปคล้ายคลึงกับเรื่องราวของ "ผีอีตู่" ข้าในคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ที่ลือว่ามีจริงในสมัยนั้น..!!
โดยมีเรื่องเล่าว่าในเหตุการณ์กบฏเงี้ยว.. เพราะความรักต่อเจ้านายยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง อีตู่ตอนที่ยังมีชีวิตโกรธแค้นแทนเจ้านายที่ถูกควบคุมความเป็นอยู่จากข้าหลวงบางคน จึงตัดสินใจหนีออกไปฆ่าลูกของนายอำเภอจนเสียชีวิต และต่อมาอีตู่ได้ถูกจับได้และโดนลงโทษเฆี่ยนตีตัดหัวเสียบประจานกลางประตูเมืองอย่างโหดเหี้ยม..!!
นับแต่นั้นตำนานผีอีตู่ก็ออกอาลาวาดไปทั่ว และว่ากันว่าเฮี้ยนมาก หลอกไม่เว้น แต่ดวงวิญญาณก็ยังเฝ้าภักดีกับนาย และเป็นวิญญาณที่เฝ้ารอรับใช้การกลับมาของเจ้านายสุดที่รักที่คุ้มหลวงแห่งนี้ จนตนเองไม่ยอมไปผุดไปเกิด..!!
ซึ่งในละครเรื่องรอยไหมก็จะมีอยู่ฉากนึงที่อีเม้ยถูกเฆี่ยนตีจนตาย ซึ่งก็คือเรื่องจริงที่อีตู่เคยถูกกระทำนั่นเอง เพียงแต่ละครมีการเปลี่ยนชื่อเรียกตัวละครไปจากเดิมเท่านั้น
โดยที่การถ่ายทำฉากดังกล่าว ทางกองก็ได้เข้าไปถ่ายทำในคุ้มหลวงแห่งนี้จริงๆ ด้วย..!!
และนี่คือหนึ่งในตำนานหลอน ที่ถูกนำไปทำเป็นละคร ซึ่งถ้าหากใครเคยทันได้ดูก็จะรู้สึกว่ามันหลอนดีเหมือนกัน.
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย,ประวัติเมืองแพร่