เบ็ตตี้ผู้น่าสงสารกับวิญญาณที่ถูกลืม
เบ็ตตี้วิญญาณที่ถูกลืม
วิญญาณที่ถูกลืม
ว่ากันว่า เมื่อร่างกายของคนเราสูญสลายไปแล้วนั้น สิ่งที่จะยังคงเหลืออยู่ก็เป็นเพียงวิญญาณที่ล่องลอยรอเวลาไปเกิดใหม่ แต่ในบางครั้งอาจจะยังมีวิญญาณจำพวกหนึ่งซึ่งยังคงวนเวียนอยู่บนโลกนี้ โดยไม่มีโอกาสที่จะได้พบเจอกับความสุขครั้งใหม่ในชีวิตเลย อะไรที่ทำให้วิญญาณเหล่านั้นต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ มันคือความผูกพันธ์ของวิญญาณเหล่านั้นที่มีต่อคนบนโลกมนุษย์ซึ่งไม่สามารถลบเลือนไปได้ หรือว่ามันจะหมายถึงความน่าสะพรึงกลัวบทใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้ากันแน่
เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นกับครอบครัวของอัลเลน โดยมีโรเบิร์ต เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งอาศัยอยู่กับเบ็ตตี้ ภรรยาสาวและลูกชายวัย 5 ขวบ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชานเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษอย่างสงบมานาน จนกระทั่งในปี 1996 ที่ผ่านมา ครอบครัวอัลเลนก็ต้องเจอะเจอกับเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดขึ้น เมื่อเบ็ตตี้ ภรรยาสาวสวย ถูกฆาตกรใจอำมหิตฆ่าข่มขืนและนำศพไปหมกทิ้งในกอหญ้า ห่างจากบ้านของเธอเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ซึ่งแม้ว่าในภายหลังฆาตกรจะถูกจับตัวมาลงโทษได้ แต่สิ่งที่ครอบครัวอัลเลนต้องสูญเสียไปนั้น มันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะหาสิ่งใดมาทดแทนได้
และนอกเหนือไปจากความเศร้าโศกเสียใจแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องประสบในเวลาต่อมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ความน่าสะพรึงกลัวอันเกิดจากวิญญาณของเบ็ตตี้ซึ่งตามมาหลอกหลอน และสร้างความเขย่าขวัญให้กับครอบครัวอัลเลนโดยที่พวกเขาไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ทั้งที่หลังจากเบ็ตตี้เสียชีวิตไปได้ 2 ปี เหตุการณ์ทุกอย่างนั้นยังคงดูเงียบสงบปราศจากเหตุการณ์ร้ายแต่อย่างใด ทุกวันโรเบิร์ตจะพาลูกชายของเขาไปเคารพสุสานของเบ็ตตี้
ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปไม่กี่ร้อยเมตร และทำเช่นนี้เป็นประจำจนกระทั่งไม่นานโรเบิร์ตได้แต่งงานใหม่กับหญิงสาวชาวอังกฤษคนหนึ่ง และได้อพยพครอบครัวไปอยู่ทางตอนใต้ ซึ่งนับจากนั้นมาโรเบิร์ตก็ปล่อยให้สุสานของเบ็ตตี้ตั้งอยู่อย่างอ้างว้างโดดเดี่ยวปราศจากการเหลียวแล
แม้กระทั่งลูกชายของเขาเองก็ไม่เคยถามถึงมารดาอีกเลย ซึ่งดูเหมือนว่าการที่วิญญาณของเบ็ตตี้ถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดายเช่นนั้น มันได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันน่าสยดสยองที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้เลย
เหตุการณ์สยองขวัญดังกล่าว ได้เกิดขึ้นในหมู่บ้านใกล้เคียงที่โรเบิร์ตกับลูกชายพร้อมด้วยภรรยาใหม่ไปพักอาศัยอยู่ เรื่องราวมันเริ่มขึ้นมาจาก ในตอนตีสองของทุกคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่เบ็ตตี้ถูกฆาตกรรม มักจะมีคนเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินร้องห่มร้องไห้ไปตามทางเดินของหมู่บ้าน ปากของเธอก็พร่ำร้องหาสามีและลูกชายตลอดระยะทางที่เธอเดินผ่านไป และไม่ว่าเธอจะเดินผ่านไปทางไหน ทุกคนจะได้กลิ่นเหม็นสาปสางโชยมาตลอดเวลา และเมื่อเป็นเช่นนี้หลายครั้งเข้า ชาวบ้านก็เริ่มตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนไม่เป็นอันทำอะไร พอตกดึกทุกคนก็จะปิดประตูบ้านไม่มีใครกล้าออกไปไหน เป็นอย่างนี้อยู่นาน จนชาวบ้านละแวกนั้นเริ่มทนไม่ได้ จึงได้จ้างวานหมอผีชื่อดังคนหนึ่งมาปัดเป่าวิญญาณของเบ็ตตี้ให้พ้นออกไปจากหมู่บ้าน ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวมาคอยสร้างความหวาดผวาให้กับพวกเขาอีก แต่มันก็เป็นเช่นนั้นอยู่ได้ไม่นาน
เพราะปรากฏว่าวิญญาณของเบ็ตตี้ไม่ได้ไปผุดไปเกิดอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่วิญญาณของเธอกำลังล่องลอยตามสามีและลูกมาต่างหาก โดยในคืนวันหนึ่ง ขณะที่โรเบิร์ตกำลังพาลูกชายของเขาเข้านอน จู่ ๆ ก็มีลมพัดมาวูบใหญ่จนทำให้หน้าต่างบนห้องเปิดกว้างออก และสิ่งที่โรเบิร์ตกับลูกชายมองเห็นในขณะนั้นก็คือ ร่างของเบ็ตตี้กำลังลอยวนไปมาอยู่เหนือระเบียงห้องซึ่งอยู่บนชั้นสองของตัวบ้าน
สภาพของเบ็ตตี้ในตอนนั้นไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อตอนที่โรเบิร์ตเห็นในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาเขาไปดูศพของเธอ แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ ใบหน้าของเธอเริ่มเน่าเฟะและส่งกลิ่นเหม็นตลบไปทั่วห้อง และเมื่อลูกชายของเขามองเห็นหนอนที่ไต่ยั้วเยี้ยไปทั่วร่างกายของมารดา เด็กน้อยก็หันมากอดโรเบิร์ตไว้ซะแน่นด้วยความกลัว ในขณะที่โรเบิร์ตเองก็เริ่มตื่นตระหนกยิ่งขึ้น แม้สิ่งที่เขามองเห็นอยู่ตรงหน้าในขณะนั้นจะเป็นร่างภรรยาของเขาก็ตาม แต่เธอก็ดูน่ากลัวเกินกว่าที่เขาจะทนมองต่อไปได้
ในตอนแรกนั้นโรเบิร์ตเข้าใจว่า วิญญาณของเบ็ตตี้คงยังรักและห่วงใยลูกน้อยวัย 5 ขวบของเธออยู่ จึงยังไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ แต่โรเบิร์ตอาจจะ ยังไม่ทราบว่า ในเวลานั้น วิญญาณของเบ็ตตี้ไม่ใช่ภรรยาผู้อ่อนโยนและใจดีคนเก่าของเขาอีกต่อไปแล้ว เธอได้ผ่านความรู้สึกที่ถูกทำร้ายอย่างทารุณ ความรู้สึกที่ต้องถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดาย จนมันสั่งสมและได้กลายเป็นรอยแค้นที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของเธอเสียแล้ว
ดังนั้น เมื่อเบ็ตตี้เห็นลูกน้อยแสดงท่าทีหวาดกลัวต่อวิญญาณของเธอผู้เป็นแม่ มันจึงได้สร้างความโกรธให้เธอเป็นอย่างมาก พร้อมกับลั่นปากออกมาว่า เธอจะฆ่าทุกคนที่ทอดทิ้งและทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เพียงเดียวดาย และในวินาทีนั้น เบ็ตตี้ก็ได้ยื่นมือของเธอมาจับร่างของโรเบิร์ตเหวี่ยงไปกระแทกเข้ากับฝาผนังห้อง และหันมามองลูกชายของเธอที่ตัวสั่นงันงกอยู่บนเตียง พร้อมกับร้องเรียกให้เข้ามาหาเธอ
แต่เมื่อเด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธ วิญญาณของเบ็ตตี้ก็ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ เธอขว้างปาและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าจนย่อยยับด้วยอารมณ์แค้น แต่มันก็เป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง เพราะเมื่อเธอมองเห็นลูกน้อยร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจกลัว ความโกรธของเธอก็เริ่มอ่อนลง และในไม่ช้าร่างของเธอก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
ในเช้าวันต่อมา โรเบิร์ตรีบพาลูกชายของเขากลับไปยังสุสานของเบ็ตตี้ เขาจัดการขุดเอาศพของเธอขึ้นมาเพื่อนำไปฝังใกล้ๆกับบ้านพักที่เขาและลูกอาศัยอยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้โรเบิร์ตและลูกจะไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าเมื่อไรที่วิญญาณของเบ็ตตี้จะยอมไปเกิดและพวกเขาจะต้องทนอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน
แต่อย่างน้อยมันก็คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ที่จะช่วยยับยั้งไม่ให้วิญญาณของเบ็ตตี้ออกอาละวาดสร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนอีกต่อไป
อ้างอิงจาก: YouTube,ghost-in-manman.blogspot.com/2017/11/blog-post_1.html?m=1#google_vignette