ยิ่งกว่าละครดราม่าก็ชีวิตสุเชาว์ ศิษย์คเณศ
สุเชาว์ ศิษย์คเณศศิลปินที่ถูกเรียกว่าแวนโก๊ะเมืองไทยกับเรื่องราวชีวิตที่รันทดไม่ต่างกับนิยาย..ทั้งงานที่น่าสนใจและชีวิตที่สุดแสนจะดราม่าเรียกว่าหากนำไปทำเป็นละครก็น่าจะเรียกเรตติ้งได้ดี ชีวิตที่แสนจะลำบากบนใบหน้าที่ยังคงเปื้อนยิ้มนั่นคือภาพจำของทุกคนที่รู้จักกับสุเชาว์ ...บุคคลที่ไม่เคยใช้ความหิวของท้องเบียดเบียนผู้คนยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานศิลปะแม้นชีวิตจะต้องทำมาอาชีพอื่นเพื่อมาเลี้ยงตนเองและเพื่อมาหล่อเลี้ยงหัวใจในการทำงานศิลปะต่อไป
นั่นคือชีวิตยามที่เขามีชีวิตอยู่แต่เมื่อเขาได้เสียชีวิตลงผลงานของเขานั้นปัจจุบันคือ 1 ในผลงานของเบญจภาคีที่นักสะสมระดับ top ของประเทศไทยจะต้องมีเอาไว้ในครอบครองไม่งั้นคงจะถือว่าไม่เป็น top จริงๆ หรือถ้ามีถ้าจะให้ดีก็ต้องได้งานบนผืนผ้าใบซึ่งก็หายากอีกเหมือนกันเพราะงานดีๆก็มีเจ้าของหรือเก็บอยู่ในกรุของเศรษฐีไม่พอต้องเป็นอภิมหาเศรษฐีถึงจะมีเก็บเอาไว้ได้ผลงานและลายเส้นสะดุดตา กับการลดทอนรูปทรงให้อยู่ในรูปทรงง่ายๆ พร้อมกับสีที่ฉูดฉาดสีแปรงที่ดูสะเทือนอารมณ์กับเรื่องราวที่ดูเหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่ายเลยหากได้ศึกษาถึงพื้นเพของเจ้าของผลงานบางทีอาจจะทำให้คนที่ดูกับน้ำตาไหลสะเทือนอารมณ์..เรียกว่าสมัยก่อนใครที่ท้องอยู่เขาห้ามดูผลงานของสุเชาว์กันเลยทีเดียวเพราะอาจจะมีอันตรายแล้วก็ทบกระเทือนถึงบุตรในครรภ์...ว่ากันมาขนาดนี้แล้วไปรู้เรื่องถึงชีวิตความเป็นมาประวัติของแวนโก๊ะเมืองไทยอย่างสุเชาว์ ศิษย์คเณศกันดีกว่า
สุเชาว์ ศิษย์คเณศ เกิดวันที่ 15 พฤศจิกายน 2469 จังหวัดกรุงเทพมหานคร สำเร็จการศึกษาจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในปี พ.ศ. 2502 หลังจากจบการศึกษาสุเชาว์ได้ทำงานเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนสาธิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ลาออกมาเป็นศิลปินอิสระ ในปี พ.ศ. 2496 สุเชาว์ได้รับรางวัลเกียรตินิยม อันดับ 2 เหรียญเงิน (จิตรกรรม) จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 4 ผลงานของเขาได้ถูกนำไปจัดแสดงผลงานใน นิทรรศการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การแสดงศิลปกรรมร่วมสมัยหอศิลป์แห่งชาติ กรุงเทพมหานคร, มหกรรมศิลปฉลองครบรอบ 10 ปี หอศิลป์ พีระศรี กรุงเทพมหานคร, นิทรรศการ ศิลปไทย ณ ประเทศจีน และ นิทรรศการศิลปะระลึกถึงสุเชาว์ ศิษย์คเณศ จัดโดยกองทุนสุเชาว์ ศิษย์คเณศ ณ อาร์ติสท์แกเลอรี่
สุเชาว์ ศิษย์คเณศ นับว่าเป็นศิลปินแนวเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ตัวยง และเป็นหนึ่งในศิลปินผู้ทรงคุณค่าของวงการศิลปะไทย จุดเริ่มต้นของการเป็นศิลปินของสุเชาว์นั้นค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากพื้นฐานฐานะทางบ้านนั้นไม่ค่อยดี อาศัยอยู่กับพี่สาวเพียงสองคน แต่เพราะหัวใจที่รักในศิลปะทำให้สุเชาว์ต่อสู้ดิ้นรนจนได้มีโอกาสได้ร่ำเรียนศิลปะกับอาจารย์ศิลป์ พีระศรี หลังจากเรียนจบก็ได้เข้าสู่เส้นทางสายศิลปะแบบเต็มตัว
สุเชาว์เป็นศิลปินที่ยึดมั่นในหนทางการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง เขามักจะพูดอยู่บ่อยครั้งว่า “ผมมีสัจจะในการทำงาน ผมไม่เคยเขียนรูปตามใจคนอื่น” ภาพเขียนของเขาจึงหนักแน่นและซื่อตรงต่อความรู้สึกเสมอ ตะกอนความคิดและประสบการณ์ชีวิตของสุเชาว์ถูกตกผลึกมาและนำมาถ่ายทอดผ่านรูปทรงเรียบง่าย สุเชาว์มักใช้เนื้อสีหนาทิ้งรอยทีแปรงหนักแน่นอยู่ทั่วภาพ คล้ายนำเสนอร่องรอยการหยัดยืนในอุดมการณ์ศิลปะที่ผ่านมาให้กับผู้ชมอย่างตรงไปตรงมา สุเชาว์จึงถือเป็นสุดยอดศิลปินเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ของประเทศไทยอย่างไม่มีข้อกังขา
ผลงานของสุเชาว์ จะให้ความสำคัญกับเรื่องรูปทรงและสี ซึ่งจะมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยสุเชาว์ เคยกล่าวว่า “ผมว่าเรื่องสีเป็นเรื่องสำคัญ ที่พู่กันนี่ก็ต้องรู้ว่าจะหยุดตรงไหน จะยกขึ้นตรงไหน เมื่อไหร่จะเลิก เหมือนอย่างเราปรุงอาหารเมื่อไรมันจะพอดี” เรียกว่าถ้าใครชอบแนวงานฮาร์ดคอร์สะเทือนอารมณ์ผลงานของสุเชาว์เป็นอีกหนึ่งที่จะต้องศึกษาและได้ดูสักครั้งในชีวิต..
บทความโดย #โยทะกาจุลโลบล