1 : Don't touch ลิขิตรัก สัมผัสร้าย
Chapter 1
เกิดใหม่ หรือตายไปแล้ว?
'ชีวิตที่แสนทรมานและอาการป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ถ้าหากว่ามีพรวิเศษอยู่ในโลกนี้จริง ขอเพียงแค่ได้หลุดพ้นจากความทรมานอันแสนสาหัสนี้ ต่อให้สิ่งที่รออยู่จะเป็นความตาย...ฉันก็ยอม'
.
.
'ขอเพียงเท่านั้น...'
'ได้โปรดเถิดพระผู้เป็นเจ้า'
'ได้โปรดทำให้ความปรารถนาของข้าพเจ้าเป็นจริงด้วยเถิด...'
"กรี๊ดดดดดด!!!"
เพล้งงง!!!
"หนีเร็ว!!!!!"
บรึ้มมมมมมม!!!!!
"เฮือก!!!"
เสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือน ทำให้ดวงตาคู่ใสที่ยังคงพร่ามัวเบิกโพลงขึ้นด้วยความตื่นตระหนก พร้อมทั้งร่างกายที่ผุดลุกขึ้นนั่งตามสัญชาตญาณ
"เหวอ!!!~"
แต่เมื่อพยายามจะยืนด้วยขาทั้งสองข้าง ร่างของเธอกลับล้มลงกลิ้งอย่างหมดท่าไปบนพื้น ที่เต็มไปด้วยฝุ่นและกองหนังสือเก่าๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ใต้เตียง
"ไม่...มีแรงเลย"
แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอก็แห้งผาก และแสบร้อนจนเธอต้องยกมือขึ้นมากุมไว้ พร้อมกับกวาดสายตามองหาน้ำดื่ม
"...!?"
แต่เธอก็ต้องตื่นตระหนกอีกครั้ง เมื่อสถานที่ที่เธออยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ห้องนอนบนชั้นสองในบ้านของตนเอง
"หลับสบายหรือไม่คุณหนู?"
ดวงตาที่เบิกโพลงหันไปมองชายร่างสูงโปร่ง ที่กำลังยืนรินน้ำยาสีเขียวใสจากเหยือกทรงสูงใส่แก้ว อยู่ตรงมุมห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"ขออภัยที่แนะนำตัวช้าไป กระผมชื่อเรกูลัสสายพันธุ์นก แล้วชื่อของคุณหนูล่ะ?"
"ฉัน...เดี๋ยวนะ สายพันธุ์นกคืออะไร!?"
เธอฉุกใจคิดถึงความแปลกประหลาดที่น่าพิศวงจากปากของชายผู้นี้ โดยตอบคำถามของเขาด้วยการย้อนถาม และไม่กล้าเผยตัวตนจนกว่าจะได้รับคำตอบให้กับความสงสัยทั้งหมด
"นก ก็คือนกไม่ได้มีความหมายอื่นแฝง"
บทสนทนาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงยังคงดังต่อไป ขณะที่ชายปริศนากำลังเดินมาหาเธอพร้อมด้วยแก้วใบนั้นก่อนจะยื่นมาให้ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและท่าทีเป็นมิตร จนดูเสแสร้งที่สุดเท่าที่เธอเคยพบมา
"พวกเวลเรียนรู้ภาษาของดาวเราได้เร็วจริงๆ"
"เวล?"
"แถมร่างกายก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว...แต่ก็ยังวางใจไม่ได้"
คำพูดของเขาทำให้เธอฉุกใจคิดได้ว่า ตอนนี้มีบางสิ่งที่ผิดปกติกับร่างกายของเธอเป็นอย่างมาก ทั้งสำเนียงและคำพูดราวกับภาษาต่างดาว แต่เธอกลับออกเสียงและอ่านตัวหนังสือยึกยือในหนังสือพิมพ์บนโต๊ะได้อย่างน่าประหลาด
และประหลาดใจยิ่งขึ้น เมื่ออาการเจ็บปวดทรมานจากมะเร็งที่กัดกินอวัยวะภายในของเธอ ที่แม้กระทั่งจะเปล่งเสียงพูดออกมาก็กระอักเลือดเจียนตาย บัดนี้มันกลับหายไปเป็นปลิดทิ้ง ราวกับว่าโรคร้ายมันได้ตายไปจากร่างกายของเธอจนหมดสิ้นแล้ว
"ดื่มนี่ซะ พิธีจะได้เสร็จสมบูรณ์"
"พิธี...พิธีอะไร!!?"
ชายผู้นั้นทำเพียงแค่ส่งยิ้มจางๆ เป็นคำตอบมาให้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปลกไปก็คือ
ปุ้ง!!
ใบหูมนุษย์ปกติของชายตรงหน้า บัดนี้มีขนนกสีดำงอกขึ้นมาที่หลังใบหูทั้งสองข้างของเขา
"กรี๊ดดด!! นะ...นี่มันบ้าไปกันใหญ่แล้ว!!"
"แต่ถ้าเจ้าไม่ดื่ม มันจะมีเรื่องบ้าเกิดขึ้นมากกว่านี้อีก"
บรึ้มมมมม!!!!
เพล้งง!!
"กรี๊ดดดด!!"
เสียงระเบิดและสะเก็ดที่ลอยมากระแทกกระจกจนแตกกระจาย ทำให้หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลง และก้มเข้าไปหลบใต้เตียงด้วยความตื่นตระหนก โดยที่ชายปริศนาผู้นั้นก็ยังคงตามลงมา และคะยั้นคะยอให้เธอดื่มน้ำในแก้วไม่หยุด
"รีบรับไป เดี๋ยวนี้!!"
บรึ้มมมม!!!
เสียงระเบิดและเศษแก้วแผ่นใหญ่ที่แตกกระจายไปทั่ว ทำให้ทั้งสองรีบพากันหนีตายออกไปจากห้องนี้ และปล่อยให้แก้วน้ำสีเขียวหกเจิ่งนองไปบนพื้น ก่อนจะระเหยเป็นควันและเหือดแห้งไปในที่สุด
"อย่าออกไป กลับเข้ามาเดี๋ยวนี้!!!"
แอเรียดเน่วิ่งลงบันไดโดยไม่สนใจเสียงเรียกที่ดังไล่หลัง ก่อนจะพุ่งตัวออกมาจากร้านเก่าๆ แห่งนั้น
"กลับมา!!!"
"รีบหนีเร็ว พวกมันกำลังมา!!!"
แต่เพียงอึดใจเสียงของชายที่ยังอยู่ภายในร้าน ก็ถูกเสียงตะโกนรอบกายกลบจนมิด
บรึ้มมม!!!!
ร่างบอบบางที่อยู่ท่ามกลางมวลมหาชนถูกผลักไปผลักมา จนในที่สุดก็พลัดหลงกับชายที่ชื่อเรกูลัส เพราะฝูงชนนับร้อยที่กรูกันเข้ามาภายในตรอกแห่งนี้ โดยมีเสียงระเบิดและเหล็กกระทบกันดังขึ้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนทรมานไม่หยุด
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แอเรียดเน่ที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้เริ่มสับสนและร้อนใจ จนต้องเข้าไปหลบการจลาจลในตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยผู้ลี้ภัยแปลกหน้ามากมาย ที่ถูกต้อนมารวมกันที่นี่ด้วยแรงระเบิดที่ทำจากขวดน้ำมัน ในตอนนี้ตึกหลายแห่งถูกเผาจนวอด และเริ่มลามมาถึงตึกเก่าๆ แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้วุ่นวายขนาดนี้?!"
เธอร้องถามออกไปด้วยความสั่นกลัว โดยหวังว่าจะได้รับคำตอบในสิ่งที่ตนกำลังเผชิญหน้าในเวลานี้
"พวกทหารกำลังตามล่าพวกผ่าเหล่าที่แอบแฝงตัวอยู่ในเมือง"
"ผ่าเหล่าเหรอ!?"
ความสงสัยที่ติดค้างในหัวยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น พร้อมกับบทสนทนาที่แสนแปลกประหลาดอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
"แต่พวกเราคือโอเมก้าเลือดแท้นะ!"
"อย่าลืมว่าไม่ใช่ทั้งหมด กว่าจะมาถึงรุ่นเราสายเลือดก็ผสมปนเปกันไปตั้งเท่าไหร่แล้ว"
"แล้วคนที่เป็นสายเลือดแท้ก็ต้องมีใบเกิดเป็นเอกสารยืนยัน แต่ข้าไม่มี...พ่อแม่ของข้าตายตั้งแต่ข้าเพิ่งเกิด"
"ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคนนั้น"
"ใช่!!"
'ใครกันน่ะ'
'เขาคนนั้นที่ทุกคนพูดถึง?'
"เราก็คงไม่ต้องมาติดร่างแห..."
ปึง!!!
ยังไม่ทันสิ้นประโยคเสียงกระแทกประตูที่ผุพังก็ดังขึ้น ก่อนที่มันจพถูกเปิดออกอย่างแรงจนภาพให้ห้องนี้สว่างจ้าไร้ซอกมุมให้อำพรางตัว
"กรี๊ดดดดด!!!"
"หนีเร็ว!!"
"ฮะ!?"
"พวกมันมากันแล้ว!!"
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นทั่วทุกสารทิศ ไร้ซึ่งคำตอบที่จะมอบให้แก่เธอ
"หนี...หนีไปที่ไหน!!?"
"ที่นี่ไม่ปลอดภัย ทุกคนออกไปที่ประตูหลังร้านเร็วเข้า!!!"
ยังไม่ทันได้หายใจทั่วท้อง เธอและผู้คนอีกจำนวนหนึ่งก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุน จากตึกแห่งนั้นเพื่อมุ่งหน้าไปยังป่าด้านหลัง กว่าจะรู้ตัวอีกทีความเจ็บแปลบที่ฝ่าเท้า ก็ทำให้เธอต้องชะงักฝีเท้าลงกะทันหัน
"บ้าจริง!!"
หลังจากที่ไม่ได้เดินด้วยขาทั้งสองข้างของตนมานานหลายเดือน เมื่อได้เดินและวิ่งจึงเกือบลืมไปว่าตนนั้นไม่ได้สวมรองเท้ามาตั้งแต่แรก เลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากอุ้งเท้า ถูกแอเรียดเน่ถูลวกๆ ไปบนหญ้าผืนนุ่มราวกับพรม
"จับพวกมันมาให้หมด!!!!"
"เฮ!!!"
ดวงตากลมที่เบิกโพลงหันไปมองชายในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงิน ที่กำลังปูพรมมาที่กลุ่มผู้อพยพของเธอพร้อมด้วยดาบเปื้อนเลือดในมือ สัญชาตญาณแห่งความกลัวทำให้ขนในกายของเธอลุกชัน ก่อนจะออกวิ่งตามคนอื่นๆ จนเกือบลืมความเจ็บไปชั่วขณะ
แซ่ก!! แซ่ก!
สองขานับครึ่งร้อยวิ่งลุยดิน ลุยหญ้า และน้ำในลำธารเพื่อลงไปยังอุโมงค์ใต้ดินเก่าๆ ที่ชื้นแฉะและเหม็นอับไปด้วยตะไคร่เพื่อหลบซ่อนตัว ในตอนนี้สัญชาตญาณของทุกคนกำลังเปิดกว้าง ท่ามกลางความเงียบและมืดสนิทที่ถูกรายล้อมไปด้วยภยันตราย ที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ดังมัจจุราช
'แย่แล้ว!!!'
'อ๊ะ...'
.
.
'เดี๋ยวก่อน! ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ!?'
ปุ้ง!!
เสียงที่ดังกึกก้องในหูพร้อมทั้งสิ่งประหลาดที่เธอกำลังเผชิญ นั่นก็คือความซ่านกระสันที่จู่ๆ ก็ก่อตัวขึ้น ราวกับเลือดอันร้อนระอุภายในกายกำลังไหลเวียนลงไปรวมอยู่ ณ จุดเดียว
"แย่แล้วแม่หนู...หู...หูของเธอ!?"
แอเรียดเน่รีบยกมือขึ้นลูบสะเปะสะปะบนหูของตน และไปสะดุดอยู่ที่ขนอ่อนของนกที่งอกขึ้นมาเป็นแพหลังใบหูทั้งสองข้าง ซึ่งตอนนี้เธอก็ได้กลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนไปเสียแล้ว
"เก็บหูของเธอลงซะ เธอจะทำให้เราซวยกันหมด!"
"ฉะ...ฉันทำไม่เป็น!!?"
"อะไร!?"
"เธอว่า ไม่เคยเป็นมาก่อน!?"
"พูดบ้าอะไร ยัยนกบ้านี่!!!"
เสียงพิพาทที่เริ่มกลายเป็นกร่นด่าดังขึ้นไม่หยุด ทำให้หญิงชราที่เอ่ยทักเธอขึ้นมาเป็นคนแรก รีบฉุดแขนของแอเรียดเน่ขึ้นและพาเดินฝ่ากลุ่มคนเหล่านั้น ไปยังแสงสว่างอีกฟากของอุโมงค์แห่งนี้ พร้อมด้วยเสียงพึมพำที่ดังขึ้นไม่หยุด
"เธอต้องซ่อนตัว ต้องหาที่ที่ปลอดภัย.."
ร่างบอบบางที่กำลังเดินลุยน้ำเย็นเฉียบ พยายามหาวิธีสะกดอารมณ์ของตนไว้อย่างเต็มกำลังแต่ก็ไม่สำเร็จ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนควรต้องจัดการกับมันอย่างไร
"กรี๊ดดดดด!!!"
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและการต่อสู้ ที่รุกเข้ามายังหน้าอุโมงค์อย่างดุเดือด ดังไล่หลังพวกเธอทั้งสองเข้ามาจนต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
"รีบไป รีบวิ่งลงน้ำไปให้ลึกที่สุด!!!"
พร้อมกับผลักแผ่นหลังของแอเรียดเน่ให้รีบวิ่งไป ในขณะที่ตัวของหญิงชรานั้นทรุดลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยหอบ
"แล้วคุณยายล่ะคะ!?"
"ไป! แล้วอย่าหันหลังกลับมาอีก!!"
แอเรียดเน่ที่ไม่อาจพยุงร่างของหญิงชราให้วิ่งตามไหว เธอก็ถูกผลักจนเกือบล้มและทำเพียงแค่วิ่งจากมา ด้วยความรู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจ
"ไป กรี๊ดดดดด!!!!"
เสียงที่กรีดร้องอย่างแสนทรมาน ดังกรีดแทงหัวใจของเธออย่างรุนแรง จนน้ำตามากมายพรั่งพรูออกมา
'นี่มัน...'
'เรื่องบ้าอะไรเนี่ย?!!!'
สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คืออย่าหันหลังกลับไป และทำตามคำแนะนำของคุณยายผู้เสียสละคนนั้น
แอ๊ดดดด~
ปึง!!!
เรกูลัสที่เพิ่งกลับเข้ามาที่ร้านไม้หลังเก่าของตนมือเปล่า ก็ถึงกับพ่นลมหายใจหนักหน่วงเมื่อตอนนี้ภายในร้านมีสภาพพังยับเยินจนแทบดูไม่ได้ แต่เขาและเพื่อก็ไม่ยอมละทิ้งมันไปเสียที และทำได้เพียงเดินไปเก็บข้าวของที่พอจะมีค่า มาวางไว้บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยฝุ่น แต่เพียงไม่นานประตูไม้ที่เหลือเพียงครึ่งบานก็ถูกเปิดออก
"สภาพดูไม่จืดเลยแฮะ"
"มาช้านะ"
เรกูลัสเอ่ยตำหนิโดยไม่แม้แต่จะปรายตามองผู้มาใหม่ทั้งสอง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจที่ถูกละเลยแต่อย่างใด
"ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นฟื้นหรือยัง?"
"เธอหนีไปแล้ว"
"วะ...ว่าไงนะ!!!?"
15 นาทีต่อมา
ความเจ็บแปล๊บที่เริ่มสำแดงฤทธิ์ทุกวินาทีที่ฝ่าเท้าบอบบางเหยียบลงไปบนพื้นดิน แอเรียดเน่วิ่งพร้อมทั้งปาดน้ำตาเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปในป่าที่รกชัฏ เพื่อหาแหล่งน้ำที่ใกล้ที่สุดด้วยประสาทสัมผัสทุกส่วน ที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกภายในร่างกายที่แสนอัศจรรย์ของตน
'กลิ่นนี้...'
'ความเย็นชื้นแบบนี้มัน...'
อีกเพียงไม่กี่สิบเมตรที่จมูกของเธอสัมผัสได้ถึงไอความเย็นจากผืนน้ำ จนเผลอเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด
พรืดดด
"เหวอ!~"
ส่งผลให้เท้าเปลือยเปล่าทั้งสองข้างลื่นไถลขอบบึง จนทำให้ตกลงไปในน้ำที่เย็นเฉียบโดยไม่ทันตั้งตัว
จ๋อม~
ระลอกน้ำที่ไหวกระเพื่อมตีวงกว้าง เมื่อเธอพยายามวักน้ำเพื่อพาตัวเองลงไปให้ลึกมากที่สุด แต่ไม่ว่าจะลุยไปถึงกลางบึงจนโคลนตมขุ่นคลั่กขึ้นมา ก็ไม่มีทีท่าว่าน้ำจะสูงพ้นเข่าของเธอเลย
'ทำยังไงดีล่ะ!!!?'
"นังผู้หญิงอีกคนมันอยู่ตรงนั้น!!!"
"ซะ...ซวยแล้ว!"
"ไปจับมันมาให้ได้ แบบเป็นเป็น!!!"
เพราะมัวแต่สนใจสิ่งตรงหน้า จนทำให้เสียงน้ำกลบเสียงฝีเท้าของทหารกลุ่มนี้ไปจนหมด แอเรียดเน่ที่จนหนทางพยายามหอบอุ้มชายกระโปรงที่ยาวรุงรังขึ้น และออกวิ่งลุยบึงน้ำที่ตื้นเขินกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง
'ถ้าถูกจับได้ ต้องโดนฆ่าตายแน่ๆ'
พลั่กกก!!!
"อ๊ะ!!!"
ร่างสูงใหญ่ที่ทะยานออกมาจากพุ่มไม้หนาทึบ พุ่งมาขวางหน้าด้วยความเร็วและเข้าปะทะร่างของแอเรียดเน่ จนล้มหงายหลังลงบนพื้นอย่างแรง
'นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...กรี๊ดดด!!!!'
ความจุกที่ลิ้นปี่จากแรงกระแทกเมื่อครู่ แม้แต่เสียงที่จะกรีดร้องออกมายังดังเพียงแค่ในใจ
"เอาสิ~ วิ่งๆ เข้าไป"
และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าดูดุร้าย แต่ไม่ได้น่าหวั่นกลัวเท่ากับน้ำเสียงแหบพร่าเพราะความกระหาย และสายตาที่มองมาจากชายหน้าเหี้ยมบนหลังของมัน
"จับตัว...ได้แล้ว~"
To be contnued...