หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

บทนำ : Don't touch ลิขิตรัก สัมผัสร้าย

เนื้อหาโดย neptheduck

 

บทนำ

ชะตากรรมใหม่...อะไรเนี่ย!!?

 

     เมื่อราว 4 เดือนก่อน

    ในยามค่ำที่ท้องฟ้ามืดสนิทไร้แสงจันทร์และดวงดาว มีเพียงแสงจากดวงไฟของแมลงหรืออาจเป็นสิ่งมีชีวิตปริศนานับพัน  ที่พร่างพราวไปในความมืดราวกับเครื่องนำทาง

 

     ฝีเท้าเล็กที่เปลือยเปล่ากึ่งวิ่งกึ่งเดินในชุดกระโปรงรุ่มร่าม  กำลังมุ่งหน้าไปตามแนวป่าดิบชื้นด้วยใบหน้าตื่นกลัว  ตลอดทางที่วิ่งผ่านนั้นได้ถูกหนามคมและเศษกิ่งไม้ขีดข่วนไปทั้งร่าง  แม้ว่าขาทั้งสองจะเริ่มอ่อนแรงและปอดที่ขยายตัวจนแทบจะระเบิด  แต่ก็ไม่อาจทำให้เจ้าตัวชะลอความเร็วลงได้  เพราะว่าตอนนี้กำลังมีฝีเท้าใหญ่นับสิบคู่วิ่งไล่ตามมาติดๆ

     มือเล็กทั้งสองข้างพยายามกดปีกอ่อนสีเทาบนสะบัก  ที่ยาวเพียงสองคืบงอกชี้โด่เด่ลงแนบกับตัวด้วยความปั่นป่วน  โดยที่ภายในกายบอบบางยังคงซ่านกระสันและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

     'เร็ว...ต้องเร็วขึ้นอีก'

 

     จมูกเล็กที่มีเหงื่อผุดเป็นเม็ดกำลังสูดดมกลิ่นภัยอันตรายรอบตัว  ขณะที่ขาทั้งสองข้างยังคงวิ่งต่อไปไม่ยอมหยุด

 

     กุบกับ!! กุบกับ!

 

     'แย่แล้ว!!'

     'ขะ...เขาอยู่ใกล้มาก...'

     .

     .

     'กำลังจะมาถึงแล้ว!!?'

 

     กุบกับ!! กุบกับ! กุบกับ!!!

     ฮี้!!!!!!

     เสียงร้องของอาชาสีเทาตัวใหญ่ดังขึ้น  พร้อมกับร่างของมันที่กระโจนมาขวางหน้า  ปิดเส้นทางรกชัฏจนเธอไม่สามารถฝ่าไปได้  และจมูกอันใหญ่โตของมันก็มีควันจากความเย็นพวยพุ่งออกมาจากปอด  ทำให้บรรยากาศรอบกายยิ่งกดดันและน่ากลัวกว่าเดิม

     "กลับบ้าน"

     ร่างสูงโปร่งที่คร่อมอยู่บนหลังม้าเอ่ยเสียงนิ่งเย็นยะเยือก  พร้อมกับยื่นมือออกมาตรงหน้าแต่หญิงสาวกลับปฏิเสธ  และปัดมือของเขาออกอย่างไม่ไยดี

     "ไม่!!"

     เสียงหวานกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว  แต่เรี่ยวแรงที่ขากลับสลายหายไปสิ้นเมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้น

     "จงเชื่อฟัง  และกลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้"

     "ขี้โกง...ที่สุด"

     เสียงหวานเอ่ยอย่างจนหนทาง  เมื่อร่างของเธอถูกเขาคว้าไว้ได้ทันก่อนจะทรุดลงกับพื้น  และยิ่งถูกเขาจ้องมองก็ยิ่งตระหนักรู้ถึงเบื้องลึกภายในจิตใจชายผู้นี้  ที่เปี่ยมไปด้วยความโกรธ ความปรารถนาอยากเอาชนะ

     และทั้งหมดนั่นก็ส่งผลให้ภายในกายสาว  ที่กำลังคุกรุ่นด้วยไฟปรารถนาจากจิตใจด้านมืด  ถูกกระตุ้นให้ค่อยๆ ลุกโชนขึ้นมาอย่างไม่อาจต้าน

 

     ~ฉะ...ฉันต้องการเขา~

 

     'ไม่!! เขาเป็นคนอำมหิต'

     'เข่นฆ่าผู้คนตั้งมากมาย'

 

     ~อย่ามาทำตัวไร้เดียงสาหน่อยเลย  นั่นมันหน้าที่ของเขาไม่ใช่เหรอ?~

     ~ที่เขาทำก็เพราะจำเป็นต่างหาก~

 

     'คนเลว!'

     'เขาคือฆาตกร!!!'

 

     เหตุผลทั้งสองฝ่ายภายในหัวของเธอกำลังตีกันยุ่ง  แต่ทันทีที่ปลายนิ้วของทั้งสองสัมผัสกัน  หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนมีประกายไฟแล่นผ่านไปทั่วร่าง  และภายใต้ดวงตาสีเข้มที่แสนเย็นชาตรงหน้าก็เริ่มวูบไหว  และไม่อาจปกปิดความต้องการของตนไว้ได้

 

     'บ้าเอ๊ย!'

     .

     .

     'ข้าเองก็..'

     'ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน'

 

     สิ้นความคิดของชายร่างสูงใหญ่ที่อยู่บนหลังม้า  ร่างบอบบางก็ถูกฝ่ามือหยาบกุมมือไว้แน่น  พร้อมกับใช้ท่อนแขนแข็งแรงอีกข้างคว้าเอวคอด  เพื่อพยุงร่างของเธอขึ้นมานั่งคร่อมบนหลังม้ามุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์

     แต่อาการฮีทที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูผสมพันธุ์  ก็ทำให้ขนหางเป็นแพบนสะโพกที่อ่อนนุ่มของเธอชูชัน  อีกทั้งเสียงหวานที่ครางฟ่อๆ ในลำคอและฟีโรโมนรุนแรงจากฝักของกล้วยไม้ที่เรียกว่า Vanilla (วานิลา) ที่ส่งกลิ่นหอมหวานยวนใจ  ก็ส่งผลรุนแรงทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง  สร้างความปั่นป่วนภายในอกและร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่าง  จนชายหนุ่มอดใจไม่ไหวอีกต่อไป...

     "ว้ายยย!!"

     เสียงหวานหวีดครางด้วยความตื่นตระหนกและสับสน  เมื่อฝ่ามือใหญ่ข้างขวาที่เคยกุมบังเหียน  กำลังล้วงเข้ามาในชุดตัวบาง  เพื่อบีบเต้าเต่งจนเต็มมือในขณะที่ร่างเล็กกำลังทรมานกับอาการ ฮีท อย่างรุนแรง 

     จนเธอต้องกุมส่วนล่างที่เปียกฉ่ำ  และบวมเพราะเลือดมาคั่งของตนไว้ด้วยความทรมาน  ปล่อยให้น้ำตาเอ่อคลอออกมาด้วยความอึดอัด  และกระสันตามสัญชาตญาณจากชะตากรรมที่เธอไม่เคยต้องการ

 

    กุบกับ  กุบกับ

     วินาทีที่ความเร็วของม้าค่อยๆ ชะลอลง ชายหนุ่มก็กดร่างของเธอให้นอนคว่ำบนหลังม้าและถลกชายชุดนอนขึ้น ก่อนที่ร่างกำยำจะโน้มกายลงมา  ประทับจูบท้ายทอยเนียนระหงเรื่อยมาจนถึงใบหูที่มีขนนกประดับอยู่

     "คิดว่าที่ที่ปลอดภัยของเจ้าคือที่ไหน?"

     "ที่ไหนก็ได้...ที่ไกลจากคนอย่างคุณ  อ๊าาา~"

     หญิงสาวครางเสียงหลง  เมื่อฟันของชายหนุ่มขบใบหูกระต่ายเธอเบาๆ  พร้อมกับสอดนิ้วลูบไล้ไปตามร่องสะโพกกลมที่เปียกฉ่ำ

     "ซะ...ไซรอส... ขอร้องล่ะ"

     .

     .

     "ปล่อยฉัน  อ๊าาา~"

     ปลายนิ้วที่ลูบไล้ผิวอ่อนนุ่มและซับซ้อนอย่างเบามือ  ก่อนจะค่อยๆ ใช้นิ้วกลางคืบคลานเข้าไปในช่องทางรักที่ชุ่มฉ่ำจนสุดโคนนิ้ว  ก็ยิ่งทำให้เสียงหวานครางกระเส่าดังถี่มากขึ้น  แม้ว่าใบหน้าหวานจะแดงซ่าน  และดวงตาทั้งสองข้างจะปิดแน่นพอๆ กับริมฝีปากที่พยายามกั้นเสียงร้องอันน่าอับอาย  แต่ภายในใจของเธอกลับเรียกร้องหาสัมผัสที่มากขึ้นจากเขาไม่หยุด

 

     และดูเหมือนว่าปฏิกิริยาที่หญิงสาวตอบสนองจะสื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ได้เช่นเดียวกัน  เพียงแค่มือข้างเดียวเขาก็สามารถปลดเข็มขัดและกระดุม  ที่รัดรึงความเป็นชายอันคับแน่นในกางเกงขายาวของตนให้เป็นอิสระ

     แม้ว่ามันจะอันตรายมากที่ทั้งสองมาทำเรื่องแบบนี้กลางป่า  เพราะจะเป็นเป้าให้พวกป่าเถื่อนที่กำลังอดอยากปากแห้งเข้ามาจู่โจมได้

     'แต่ให้ตายเถอะ...'

     'ข้าหยุดตอนนี้ไม่ได้'

     .

     .

     'และก็ปล่อยเจ้าให้หนีไปไม่ได้เหมือนกัน!!'

 

     "ไซรอส ...อ้า!~"

 


 

Chapter O

การค้นพบ

 

บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับมากมายที่ถูกค้นพบแล้ว

และที่ยังคงถูกเก็บงำเป็นความลับ

บ้างก็ถูกซุกซ่อนอยู่ในเงามืด...จนกระทั่งตอนนี้

 

     มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่คิดว่าตนนั้น  ทรงภูมิปัญญามากที่สุดบนโลกใบนี้  แต่ก็ยังออกค้นหาไปทั่วทั้งจักรวาลอันไกลโพ้น  พร้อมทั้งความสงสัยว่าจักรวาลอันกว้างใหญ่  จะมีสิ่งที่ทรงภูมิปัญญามากกว่าตนอยู่บ้างหรือไม่?

     โดยปรารถนาว่าสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขา  จะทำให้ค้นพบกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เข้าในสักวัน

 

     แต่สิ่งที่พวกเขากำลังมองหา...

     มันอาจอยู่ใกล้เพียงแค่ปลายจมูกเท่านั้น

 

{ Adegan }

     อเดรแกน : ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าโลกถึงสามเท่า  และโคจรอยู่ในระบบสุริยะหนึ่งในจักรวาล  ทำให้เวลาของที่นี่เคลื่อนตัวช้ากว่าโลกอย่างมาก  เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญา  และเปี่ยมไปด้วยอารยธรรมเก่าแก่  เวทมนตร์  สัตว์เทพ  และสิ่งมีชีวิตลี้ลับมากมาย  แต่มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียวที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด  จนกระทั่งมาถึงจุดสูงสุดของการวิวัฒนาการ

 

     'ซีนิท' คือคำเรียกเผ่าพันธุ์นี้ซึ่งคล้ายกับคำว่า 'มนุษย์' ของชาวโลก  พวกเขามีกายภาพภายนอกแบ่งเป็นหญิงและชายเช่นเดียวกัน  แต่ที่พิเศษกว่าก็คือร่างต้นของพวกเขาสืบทอดมาจากสัตว์  แต่ละชนิดตามแต่สายเลือดของตน โดยมีเพศรองแบ่งออกเป็น 3 เพศหลักๆ คืออัลฟ่า , เบต้า และโอเมก้า

 

     อัลฟ่า : คือกลุ่มคนผู้มีพละกำลังกล้าแข็ง ชาญฉลาด สง่างาม และเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ที่มีอยู่ในอเดรแกนอันน้อยนิด ส่วนมากจะสืบเชื้อสายมาจากขุนนาง และประมุขที่ปกครองดินแดนก็คืออัลฟ่า และพวกเขาสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ร่างต้นของตนได้ เมื่อยามที่จำเป็นหรือใช้เพื่อต่อสู้ในสงคราม

     ซึ่งสายเลือดนี้จะมีอยู่ในอเดรแกนเพียงแค่ 10% โดยแบ่งลักษณะจำเพาะออกเป็นหลายประเภท เช่น อินิกม่า และอีกมากมายที่ผ่าเหล่าออกมา 'อินิกม่า' เป็นกลุ่มพิเศษหายากที่สามารถเปลี่ยน อัลฟ่า และ เบต้า ให้กลายเป็น โอเมก้า ได้ด้วยพิธีกรรมลับ

 

     เบต้า : คือประชากรชาวซีนีท ที่มีอยู่มากถึง 60% เป็นแรงงานทั้งการทหาร  และทำเกษตรกรรม  ก่อสร้างเป็นกองกำลังที่สำคัญให้กับแผ่นดินนี้  เป็นกลุ่มรักความสงบที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกายภาพของตนได้  และผู้ชายไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ต่างจากสายเลือดอัลฟ่าและโอเมก้า

 

     โอเมก้า : มีจำนวนมากถึง 30% เฉกเช่นเดียวกับอัลฟ่า  ที่มีเพศรองสามารถตั้งครรภ์ได้ทั้งชายและหญิง  พวกเขาสามารถกลายสภาพเป็นสัตว์ร่างต้นตระกูลได้  ยามเมื่อต้องต่อสู้หรือปกป้องตนเองเมื่อมีภัยอันตราย  และเป็นสายเลือดที่อยู่ในชนชั้นต่ำที่สุดของโลกใบนี้  ทั้งฐานะ  สภาพความเป็นอยู่  และสังคมที่เต็มไปด้วยความอดอยาก  แย่งชิง

     เนื่องจากถูกทางการเข้ามากีดกัน  ไม่ว่าจะไปตั้งถิ่นฐานหรือทำการค้าที่เมืองไหนก็ต้องมีใบอนุญาต  หรือในกรณีทาสก็ต้องได้รับการยินยอมจากอัลฟ่าที่เป็นผู้ปกครองเสียก่อน

 

     *แม้สายเลือดโอเมก้าจะถูกกดขี่และน่าสงสารมากเพียงใด  แต่อัลฟ่าก็แพ้ทางต่อฟีโรโมนของโอเมก้าที่กำลัง 'ฮีท' ซึ่งจะเกิดขึ้นเดือนละครั้ง  และมันจะไปกระตุ้นให้อัลฟ่า 'รัท' จนยากจะควบคุมความต้องการของตนได้  และเคยเกิดเรื่องเลวร้ายที่สุด ได้มีการต่อสู้แย่งชิงขึ้นทำให้ราชวงศ์เกือบล่มสลาย  จนหน้าประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้

 

     และนี่คือส่วนหนึ่งของชาว 'ซีนีท'  ซึ่งชื่อนี้มีความหมายว่า : ตำแหน่งที่อยู่เหนือผู้สังเกตการณ์บนโลก   เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นโลกสีน้ำเงินได้ด้วยตาเปล่า  ผ่านห้วงมิติบนท้องฟ้าที่บิดเบี้ยว  จนแทบจะเดินทางไปยังดาวดวงนั้นได้  แต่มันก็เป็นเพียงภาพลวงตาที่ปรากฏขึ้นเพียงไม่กี่วินาที  ในช่วงเวลาที่ไม่สามารถระบุแน่ชัดได้  ทั้งที่ระยะทางห่างกัน 12 ปีแสง  ซึ่งเท่ากับ 113,528,765,670,970 กิโลเมตร (ในขณะที่ระยะทางจากโลกไปดวงอาทิตย์คือ 8.3 นาทีแสงหรือประมาณ 150,000,000 กิโลเมตร)

     ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะดาวทั้งสองดวงมีบางส่วนที่กำลังทับซ้อนกัน  ด้วยพลังเวทมนตร์ที่ผิดพลาดของลัทธิหนึ่ง  จึงมักเกิดเรื่องประหลาดที่ยากจะอธิบายได้  ขึ้นบนดาวเคราะห์ทั้งสองดวงนี้เสมอมา

 

และเด็กสาวที่ชื่อ  แอเรียดเน่ก็คือคนดวงตก

ที่บังเอิญหลงเข้ามาในดาวอันน่าพิศวง

 

และชะตาชีวิตของเธอนับจากนี้

จะเป็นอย่างไรต่อไป?

 

To be continued...

เนื้อหาโดย: neptheduck
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
neptheduck's profile


โพสท์โดย: neptheduck
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: neptheduck
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เมืองเคียฟ ประเทศยูเครน ถ่ายโดยนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน เมื่อปี 197410อันดับตัวละครที่มีIQสูงที่สุดในโลก(อนิเมะ)!!ฝรั่งยังผวาความศักดิ์สิทธิ์ "วัดพระแก้ว " ของไทยเผยโมเมนต์หวานของ "อาร์ม-โฟร์"..แถมยังโชว์แคปชั่น "แฟนฉัน" ด้วย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
10อันดับตัวละครที่มีIQสูงที่สุดในโลก(อนิเมะ)!!ร้อนนัก ก็ดับร้อน ด้วยผ้าขนหนูทัชมาฮาลมีประวัติความเป็นมาอย่างไร?อื้อหือ เสื้อตัวนี้ ทำจากใยแมงมุม บอกเลยอย่างเหนียว อย่างทนทานเลยเด้อ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ความรัก ประสบการณ์ นิยาย 18++
Chapter 6.2 : KILL เมื่อฉันต้องฆ่าสามีจอมอำมหิตChapter 6.1 : KILL เมื่อฉันต้องฆ่าสามีจอมอำมหิต[นิยาย] Chapter 3.2 : ต่างโลกหรรษา กับยัยผมม้าจอมซึน[นิยาย] Chapter 3.1 : ต่างโลกหรรษา กับยัยผมม้าจอมซึน
ตั้งกระทู้ใหม่