14 อันดับไม้ประดับ หายาก-ราคาแพง ปลูกไว้ขายแล้วรวย
14อันดับที่สามารถสร้างรายได้และดูแลรักษาง่ายมีดังนี้
1.มอนสเตอร่าใบด่าง ‘ราชินีแห่งใบไม้’
เนื่องจากความด่างถือเป็นความพิเศษ แต่นอกจากนั้นยังมีน้อย หายาก และในตลาดนักสะสมระดับโลกมีความต้องการสูง จึงทำให้ราคาของมอนสเตอรร่าด่างมิ้นต์ราคาพุ่งสูง นอกจากนี้อายุของต้นไม้ก็ส่งผลต่อราคา ยิ่งต้นไหนสมบูรณ์ ฟอร์มสวย ก็จะมีราคาหลักล้านอย่างที่มีการซื้อขายกันตามข่าว แต่ราคาก็มีความผันผวนไปตามสภาพของต้นไม้ โดยราคาขายนับเป็นราคาต่อใบ
โดยราคาเริ่มต้นของที่ต้นที่อาจไม่สวย และยังไม่มีขนาดใหญ่่ ราคาต่อใบจะเริ่มต้นที่หลักแสน ส่วนต้นใหญ่สภาพสมบูรณ์ที่ใบมีความสวยงาม ราคาต่อใบอาจเริ่มต้นที่หลักล้านเลยก็ได้
2.จันผา หรือ จันทร์ผา
จันผา หรือ จันทร์ผา เป็นไม้ประดับที่ขึ้นอยู่ตามป่าเขา โดยเฉพาะโขดหินผาของประเทศไทย เอกลักษณ์ของต้นจันผาคือมีลำต้นหนากลม ยืดสูงแตกกิ่งก้านออกมา มียอดเป็นพุ่ม เนื่องจากเป็นพืชที่เติบโตในพื้นที่แล้งได้ดี จึงมีขนาดใบเรียวเล็กยาวคล้ายใบหอก ดอกจันผามีลักษณะเป็นช่อเหมือนมะม่วงและมีกลิ่นหอม แม้ว่าจันผาจะเป็นไม้บนเขา แต่เรามักจะเห็นคนปลูกไว้หน้าบ้านเรือน ตามความเชื่อโบราณจันผาถือว่าเป็นไม้มงคล นิยมปลูกไว้หน้าบ้านเพราะมีใบเรียวเหมือนดาบไว้ฟาดฟันศัตรู และหากปลูกแล้วออกดอกออกผลเชื่อว่าจะให้ลาภก้อนโตแก่เจ้าของบ้านด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 7, 000 – 30, 000 บาท
3.ต้นวาสนา
เป็นต้นไม้ที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศไทย สามารถพบเห็นได้เกือบแทบทุกบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด เนื่องจากเชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกต้นวาสนาแล้ว ก็จะทำให้เจ้าของบ้านหรือผู้อยู่อาศัยในบ้านนั้น มีอำนาจวาสนา บารมี เหมือนชื่อ
ต้นวาสนา เป็นต้นไม้ที่ปลูกได้ง่ายมาก ใช้เพียงตัดลำต้นมา ปักชำก็สามารถขึ้นได้เองตามธรรมชาติ อีกทั้งดอกมีกลิ่นที่หอมอย่างยิ่ง เป็นไม้ประดับที่ไม่ต้องการการดูแลมาก สามารถรดน้ำได้เพียงแค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ต้องการแสงแดดเพียงรำไร มักนิยมปลูกทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะจะได้รับแสงแดดยามเช้า และให้ร่มเงาแก่บ้านได้ด้วย
4.ต้นบอนไซ
เป็นต้นไม้อีกชนิดหนึ่ง ที่คนรักต้นไม้มักจะไม่พลาด เรียกได้ว่า ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการปลูกต้นบอนไซกันเลยทีเดียว เพราะส่วนใหญ่ ต้นบอนไซนั้น คือการนำเอาพันธุ์ของต้นไม้ใหญ่ มาปลูกในลักษณะพิเศษ โดยทำให้กลายเป็นต้นที่เล็กลง จึงต้องอาศัยจินตนาการของผู้เพาะปลูก ว่าอยากจะจำลองต้นไม้ใหญ่แต่ละชนิด ให้มีขนาดเล็กลงมา ในรูปแบบใด ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก
บอนไซ ถือว่าเป็นไม้ประดับ ที่เสริมให้บ้านดูหรูหรา และสวยงามมาก และยังเป็นต้นไม้ที่สามารถนำมาจัดในสวน เพื่อทำให้สวนสวย มีความโดดเด่นและงดงามมากยิ่งขึ้น การดูแลไม่ซับซ้อนมากนัก บอนไซส่วนใหญ่มักจะไม่ต้องการน้ำมาก ต้องการแดดเพียงรำไรเท่านั้นก็พอ เพียงแต่ต้องตัดแต่งกิ่งให้เป็นรูปทรงอยู่เสมอ
5.ปาล์มบังสูรย์
เป็นต้นไม้ที่นักออกแบบสวน หรือผู้ที่รักการตกแต่งสวนภายในบ้าน มักจะไม่พลาด เพราะถือว่าเป็นไม้ตระกูลปาล์ม ที่มีราคาแพง ติดอันดับท็อปเลยก็ว่าได้ ด้วยลักษณะของใบ ที่เหมือนสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด หรือใบพาย โดยเป็นเองตามธรรมชาติ และมีลักษณะใบที่ใหญ่ จึงเหมาะแก่การปลูกเพื่อเสริมให้สวนมีความโดดเด่น ดูสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น สีของใบ ก็จะมีการไล่เฉดสี ตั้งแต่สีเขียวอ่อนไปถึงสีเขียวเข้มในใบเดียวกัน จึงทำให้มองแล้วสบายตา ลำต้น จะเหมือนต้นมะพร้าว มีหลายสายพันธุ์ ที่ให้ใบมีสีที่แตกต่างกัน มีทั้งสีเทา และใบสีเงิน
ต้นปาล์มบังสูรย์นี้ จัดว่าเป็นต้นไม้ที่ไม่นิยมแดดจัด มักปลูกในที่แดดรำไร เป็นพืชที่มีอายุยืน มากกว่า 10 ปี จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทีเดียว
6.ลิ้นมังกรแคระ
เป็นต้นไม้ที่ไม่ว่าจะสายไหน ต่างก็ชื่นชอบกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสายมู เชื่อว่า เป็นต้นไม้ที่จะสามารถป้องกันอันตรายจากศัตรู คนปองร้ายได้ บางคนเรียกว่าเป็น ต้นหอกพระอินทร์ ถือว่าเป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ สายสุขภาพ ก็มีการพิสูจน์แล้วว่า ต้นลิ้นมังกรแคระนี้ สามารถช่วยฟอกอากาศ และเพิ่มออกซิเจนได้ดี ความพิเศษอยู่ตรงที่ เป็นต้นที่จะคายออกซิเจนในเวลากลางคืน และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในเวลากลางวัน จึงสามารถปลูกไว้ในบ้านได้
การดูแลรักษาก็ไม่ยาก ลิ้นมังกรแคระ เป็นต้นไม้ที่สามารถปลูกในกระถางหรือลงดินได้ มีควาทนต่อโรคและแมลงสูง ไม่ต้องการแดดจัด จึงควรปลูกในที่แดดรำไร สามารถปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริมในช่วง Work From Home ก็น่าสนใจ เพราะการขยายพันธุ์ก็ทำได้ง่ายดายมาก สามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ด แยกหน่อ ปักชำ หรือเพาะเนื้อเยื่อ เป็นต้นไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และมีราคาดีถึงหลักพันก็มี
7.ว่านเพชรหึง
เป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถสูงได้ถึง 3 เมตร มีดอกสีเหลือง หรือสีเขียวอ่อนและมีจุดสีน้ำตาล ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของต้น ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีความสูงเป็นเมตรจะมีราคาแพงเป็นพิเศษ เมื่อเทียบอายุประมาณ 10 ปี มีขนาดสูง 1 เมตร อาจมีราคาถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นกอขนาดเล็กประมาณ 300-400 บาท
นอกจากราคาจะแพงไม่พอ ว่านเพชรหึงยังขยายพันธุ์ยากมาก ซึ่งต้องใช้เวลาเจริญเติบโตและให้ดอกปีละครั้งเท่านั้น สามารถอยู่ได้นานถึง 3 เดือนกว่าดอกจะร่วงโรย ด้วยความที่ดอกมีขนาดใหญ่และสวยงามมากจึงเป็นที่นิยมของผู้ชื่นชอบกล้วยไม้ ว่านเพชรหึงพบมากในพื้นที่ภาคใต้ เช่น จังหวัดชุมพร, ระนอง และในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งล้วนมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามพื้นที่ที่ปลูก
8.รองเท้านารีเหลืองกาญจน์
เป็นพืชกล้วยไม้ที่หายากในธรรมชาติ มีดอกสีเหลืองสวยงามซึ่งอยู่ในบัญชีพืชการค้าของกรมวิชาการเกษตร ถ้าใครลักลอบเอาออกมาก็จะมีความผิดทางกฎหมาย ยกเว้นกล้วยไม้บางชนิดที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงในสถานที่เพาะเลี้ยง และขึ้นบัญชีสถานเพาะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นการรับรองว่าไม่ได้เอาออกมาจากป่าโดยตรง พบมากในจังหวัดกาญจนบุรี และมีคนเคยบอกว่าสามารถพบได้ในภาคเหนืออีกด้วย แต่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะมีคนลักลอบเอาออกมาขาย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 400 บาท เป็นต้นไป
9.เอื้องเขาพระวิหาร
เป็นกล้วยไม้ให้ดอกสวย ต้องการแสงแดดน้อย ชอบขึ้นอยู่ตามหินหน้าผา ซอกหิน หรือท่อนซุง จะเติบโตอยู่ส่วนล่างๆของต้นไม้ที่เกาะอยู่ ได้รับอาหารจากซากอินทรียวัตถุ เช่นใบไม้ที่ร่วงและที่ทับถม ผุพัง รวมทั้งซากแมลงที่หล่นและน้ำฝนที่ชะล้างมาบริเวณโคนต้นกล้วยไม้ รากกล้วยไม้อากาศชอบการถ่ายเทอากาศและการระบายน้ำที่ดี
ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดสภาพแวดล้อมในการปลูกให้ใกล้เคียงกับสิ่งแวดล้อมจากต้นกำเนิดของกล้วยไม้ชนิดนี้ซึ่งมีอยู่ที่เขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ ราคาขายอยู่ระหว่าง 200-300 บาท
10.ปรงทะเล
เป็นไม้กอพุ่ม มีใบเรียงยาวถี่ๆ สีเขียวเข้ม ใบอ่อนสีแดงสวยงาม ปลูกเป็นไม้ประดับ ขนาดใหญ่ สามารถสูงได้ถึง 2 เมตร ต้นคล้ายพวกปาล์ม ถิ่นกำเนิด ริมทะเลแปซิฟิก เจริญเติบโตช้า ชอบแดด ต้องการน้ำปานกลาง ชอบขึ้นที่ดินที่เป็นทรายหรือตามซอกหิน พบมากในบริเวณเกาะหรือทางภาคใต้ที่ไม่ใช่พื้นที่ของเกาะก็จะกระจายพันธุ์อยู่แถวนั้นเช่นกัน คนมักจะเอามาปลูกเพราะกอสวย แต่โตช้า ขนาดหัวเล็กมีราคาอยู่ระหว่าง 100-500 บาท ถ้าขนาดสูง 1 เมตร จะมีราคา6,000 บาท (ประมาณ 10 ปี)
11.เฟิร์นต้น
เป็นพืชที่มีขนาดใหญ่อีกชนิดหนึ่ง อาจสูงเท่าตึก 2-3 ชั้น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่โรงเรือนส่วนตัวหรือมีบริเวณบ้านที่สามารถปลูกได้ พบหลากหลายสายพันธุ์ในประเทศไทย ซึ่งลำต้นขนาดใหญ่มีราคาแพงกว่า 3,000 บาทขึ้นไป
12.เฟิร์นเขากวางตั้ง
เป็นเฟิร์นที่สวยงามแปลกตา มีลักษณะคล้ายเขากวาง อีกทั้งเป็นเฟิร์นหายากในป่าธรรมชาติ ในไทยพบทางภาคใต้ที่จังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นราธิวาส และยะลา เลี้ยงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก ไม่ชอบน้ำชุ่มแฉะ ราคาเริ่มต้นประมาณ 500-600 บาท
การนำเฟิร์นเขากวางมาปลูกเลี้ยงในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล ให้แซะต้นเฟิร์นออกจากแผ่นไม้ ปลูกลงในกระถางที่มีขนาดพอเหมาะกับต้นเฟิร์น โดยใช้ขี้เลื่อยแช่น้ำ คั้นให้หมาดเป็นวัสดุปลูก เก็บในที่ร่มรำไร หากต้องการให้เติบโตดี ควรรดด้วยปุ๋ยยูเรีย ละลายในน้ำสะอาดอย่างเจือจาง 2 เดือนครั้ง เมื่อเห็นว่าเติบโตจนล้นกระถาง ให้เปลี่ยนลงปลูกในกระถางที่ใหญ่ขึ้น
ความมีเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเฟิร์นชนิดนี้ คือ เมื่อต้นสมบูรณ์เต็มที่ จะสร้างใบออกมาครอบปากกระถางจนมิด เพื่อรักษาความชื้นไว้ในวัสดุปลูกไม่ให้ระเหยไปในอากาศ หมั่นดูแลให้น้ำพอชุ่มอย่างสม่ำเสมอ คุณจะปลูกเฟิร์นเขากวางได้สวยงามเกินความคาดหมาย
13.พลับพลึงธาร
พลับพลึงธาร (Water onion) หรือที่เรียก หญ้าช้อง หรือ หอมน้ำ จัดเป็นพืชใต้น้ำที่พบในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวบนโลก คือ จังหวัดระนอง และพังงา ลำต้นมีลักษณะเด่น คือ ลำต้นเติบโตจากดินใต้น้ำ มีใบอยู่ในน้ำ แต่มีดอกชูขึ้นเหนือน้ำ ดอกมีสีขาวคล้ายดอกพลับพลึงขาวบนบก แต่ขนาดเล็กกว่า
เป็นพืชถิ่นเดียวในประเทศไทยที่เอามาปลูกเป็นพันธุ์ไม้น้ำ มีทั้งพันธุ์ทั่วไปและพันธุ์ป่า มีดอกสีขาว กลิ่นหอม ซึ่งถือว่าเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ สามารถพบเฉพาะที่จังหวัดพังงาตอนบน และระนองตอนล่างของประทศไทยเท่านั้น ราคาขายหัวเล็กไม่แพงมากนัก ประมาณ 100 บาทขึ้นไป
14.หม้อข้าวหม้อแกงลิง
หม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นไม้กินแมลงชนิดหนึ่งที่มีใบพัฒนามาเป็นกับดักเพื่อใช้ในการดักจับแมลง มีการกระจายตัวอยู่ในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตะวันออกของอินเดีย ศรีลังกา มาดากัสการ์ หมู่เกาะ เซเซลล์(Seychelles) ทางตอนใต้ของจีน และทางตอนเหนือของออสเตรเลีย
เป็นพืชกินแมลงประเภทหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจ ในการเพาะเลี้ยงอันดับต้นๆ เนื่องจากเราสามารถพบเห็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงได้ไม่ยากนักซึ่งมีอยู่ประมาณ 90 กว่าชนิดทั่วโลก ปัจจุบันได้มีการผสมเกสรหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งทำให้เกิดหม้อข้าวหม้อแกงลิงลูกผสมใหม่ๆ ที่หลากหลาย มีสีสันสวยงาม และลักษณะแปลกๆ อยู่เสมอ ในประเทศไทยพบมากที่จังหวัดอุบลราชธานี, นราธิวาส, สุราษฎร์ธานี ฯลฯ ราคาก็ไม่แพงมาก เริ่มต้นที่ 100 บาทเท่านั้น