หญิงวัย 50 เป็นมะเร็งนิ้ว เพราะเข้าร้านทำเล็บ
สื่อนอกรายงานว่า "หญิงวัย 50 ปี "เกรซ การ์เซีย" คุณแม่ลูกสาม ชาวเมืองซานเกเบรียล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา พยายามจองคิวที่ร้านทำเล็บประจำ แต่เนื่องจากร้านคิวเต็มหมดแล้ว เธอจึงตัดสินใจลองเข้ารับบริการกับร้านอื่น สุดท้ายก็เลือกร้านที่อยู่ใกล้กับที่ทำงาน แล้วหลังจากนั้นเธอก็พบว่านิ้วของเธอ มีอาการเจ็บปวดมาก ดูเหมือนมีบาดแผลพุพองไม่หาย ซึ่งมันโตเหมือนหูด จนคิดว่าบางทีช่างทำเล็บอาจจะใช้เครื่องมือทำเล็บ ต่อจากคนที่มีปัญหาสุขภาพมาก่อน แล้วนำมาใช่กับเธอโดยไม่ได้ทำความสะอาดฆ่า โดยการเชื้อให้ดี..."
"เกรซ การ์เซีย" สังเกตเห็นว่าบาดแผลไม่หาย หลังจากผ่านไป 3 วัน เธอจึงกลับไปที่ร้านเสริมสวยเพื่อบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และ ทางร้านก็บอกว่าช่างคนนั้นไม่ได้ทำงานที่นี่อีกต่อไปแล้ว...
เมื่อเวลาผ่านไป 3 เดือน หลังจากการทำเล็บในครั้งนั้น แต่แผลพุพองใกล้เล็บของเธอ ก็ยังไม่ดีขึ้น ผิวบริเวณแผลมีสีเข้มกว่าผิวส่วนอื่นๆ และ ให้ความรู้สึกไม่ลื่นมือเมื่อสัมผัส ถึงจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาล แต่กหลังจากไปพบแพทย์หลายครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องให้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไร สุดท้ายก็ถูกส่งไปยังแผนกผิวหนัง เพื่อทำการตรวจชิ้นเนื้อ ซึ่งหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์ จากแพทย์ผิวหนัง เธอก็รู้สึกตกใจและเสียใจหนักมาก
เธอเดินทางไปโรงพยาบาลพบ นายแพทย์ "โซเลย์ มานี" ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง เพื่อรับการแจ้งว่าเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น "มะเร็งผิวหนัง" ระยะที่ 1 ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส "แปปพิลโลมา" ในมนุษย์ คาดว่าการเล็บมือที่ร้านเสริมสวย เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่ค่อยพบบ่อยนัก...
เนื่องจากเธอได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นมะเร็งระยะที่ 1 ถือเป็นเคราะห์ดีที่เธอสังเกตเห็น ถึงความผิดปกติบนร่างกายตัวเองแต่เนิ่นๆ และ เข้ารับการตรวจได้ทันเวลา ทำให้สามารถรับการรักษาให้หายได้ โดยไม่ต้องพึ่งการฉายรังสี
"โซเลย์ มานี" กล่าวว่า "ผลลัพธ์ของการรักษา ขึ้นอยู่กับว่าคุณตรวจพบพวกมัน ได้เร็วแค่ไหน?" และ "การรักษาก่อนก็ทำให้ไม่ต้องถูกตัดนิ้วด้วย!!"
ที่มา: https://www.mirror.co.uk/news/real-life-stories/woman-contracts-skin-cancer-after-28986500

















