Emface ช่วยลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับใบหน้า จัดการความหย่อนคล้อย
อายุเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อสภาพผิว เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ริ้วรอย ความหย่อนคล้อยก็เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ทำให้หลาย ๆ คนจึงเลือกเสริมความงามเพื่อยกกระชับใบหน้าให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง ด้วยนวัตกรรมใหม่อย่าง Emface ซึ่งเป็นนวัตกรรมเสริมความงามช่วยจัดการปัญหาอย่างรอบด้าน ทั้งลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับใบหน้าและจัดการปัญหาความหย่อนคล้อย โดยมีการรับรองความปลอดภัยจากสหรัฐอเมริกา โอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำ ดังนั้น จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
Emface คืออะไร
Emface เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่ช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการส่งคลื่นพลังงานลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ให้ใบหน้าได้รู้สึกเหมือนกำลังออกกำลังกาย เป็นการกระตุ้นจากภายในสู่ภายนอก ไม่ก่อให้อาการบาดเจ็บใด ๆ
ถึงแม้ว่า ในปัจจุบันจะมีนวัตกรรมเสริมความงามที่ใช้คลื่นพลังงานเหมือนกัน แต่ Emface เป็นเทคโนโลยีคลื่นพลังงานแบบใหม่ที่ช่วยยกกระชับ แก้ไขปัญหาริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย ทำให้ได้ผลลัพธ์ความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผล อีกทั้ง Emface ยังได้รับการรับรองความปลอดภัยของ อย. อเมริกาและทั่วโลกอีกด้วย จึงมีความแตกต่างจากนวัตกรรมอื่น ๆ
สิ่งที่โดดเด่นของ Emface คือ การฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อและชั้นผิวไปพร้อม ๆ กัน ช่วยกระตุ้นการทำงานและเพิ่มความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อ ให้ยกกระชับจากภายในสู่ภายนอก เผาผลาญไขมัน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนกับอีลาสตินไปพร้อม ๆ กัน
ประโยชน์ของ Emface
บริษัท BTL ได้คิดค้นการผสมผสานเทคโนโลยี (HIFES และ Synchronized RF) ในการทำ Emface โดยใช้คลื่นกระแสไฟฟ้าความเข้มสูงกระตุ้นกล้ามเนื้อ ทำงานร่วมกับพลังงาน RF ในการเผาผลาญไขมัน ยกกระชับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถสรุปประโยชน์ของ Emface ได้ ดังนี้
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ Zygomaticus major, Zygomaticus minor และ Risorius ซึ่งเป็นการยกกระชับใบหน้าที่มีปัญหาเหี่ยวย่น
- Emface ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนกับอีลาสติน เป็นการเสริมสร้างและยกกระชับใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวมีสุขภาพแข็งแรง อิ่มฟู
- ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ลดริ้วรอยและความเหี่ยวย่นจากภายในสู่ภายนอก
- Emface ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ากลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ผิวเรียบเนียนสดใส
- ช่วยลดและสลายไขมันไปในตัว
- Emface เป็นนวัตกรรมเสริมความงาม โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้เข็มหรือยาชา จึงไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อได้ในทันที
- เป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าที่มีความปลอดภัยสูง เพราะได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก FDA อเมริกา ว่า ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทั้งสมอง ระบบประสาท เส้นประสาท และผิวหน้า
- ช่วยยกกระชับได้ทั่วใบหน้า ตั้งแต่บริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม หางตา และคิ้ว ทำให้ใบหน้ามีความคมชัด มีมิติ ดูสวยงามขึ้น
โดยสามารถสรุปประโยชน์ของ Emface เป็นสัดส่วนจากงานวิจัยของสหรัฐอเมริกา 15 แห่ง ได้ ดังนี้
- ปริมาณอีลาสตินเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 2 เท่า
- กล้ามเนื้อหน้ามีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 19%
- ใบหน้ายกกระชับขึ้นโดยเฉลี่ย 23%
- ผิวหน้ามีความเรียบเนียนขึ้นโดยเฉลี่ย 25%
- ปริมาณคอลลาเจนเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 26%
- กล้ามเนื้อยกหน้ามีโทนเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 30%
- ริ้วรอยเหี่ยวย่นลดลงโดยเฉลี่ย 37%
นอกจากนี้ Emface ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยลึกใต้ผิวหนังถึงชั้นต่าง ๆ ทั้ง Skin layer (epidermis and dermis), Superfacial Fat (Subcutaneous), SMAS และ Muscle สำหรับ Emface สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องและชัดเจน ควรทำอย่างน้อย 4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างแต่ละครั้งประมาณ 1 สัปดาห์/ครั้ง แล้วควรทำทุก ๆ 6 เดือน - 1 ปี
Emface มีกระบวนการทำงานอย่างไร
Emface คือ การผสมผสานระหว่าง 2 คลื่นกระแสไฟฟ้าอย่าง HIFES (ไฟฟ้าที่เน้นความเข้มข้นสูง) และ RF (คลื่นความถี่วิทยุ) ในเทคโนโลยีชิ้นเดียวกัน เพื่อยกกระชับใบหน้าทั้งผิวหน้าและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าลีบ จนส่งผลการเปลี่ยนแปลงทั้งใบหน้า ในระหว่างกระบวนการจะใช้เวลาเพียง 20 นาที
หลักการทำงานของ Emface คือ การทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าหดตัวผ่านการสลับขั้วของเส้นประสาท เป็นการกระตุ้นเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยปรับโทนสีของกล้ามเนื้อในบริเวณที่รักษาอีกด้วย โดยในระหว่างทำ Emface ผิวจะรู้สึกอุ่นขึ้นประมาณ 40 – 42 องศาเซลเซียส ทำให้เนื้อเยื่ออุ่น แต่ไม่ถึงกับร้อน เป็นช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ โดยไม่กระทบต่อไขมันบนใบหน้า
Emface จะใช้แผ่นแปะ (Applicator) ซึ่งปล่อยพลังงาน 2 ชนิด คือ HIFES และ RF ออกมาพร้อม ๆ กัน ซึ่ง HIFES ทำหน้าที่กระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้า ทำให้เกิด Supramaximal contraction เป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อและการเรียงตัวของเส้นใย (remodeling) และ RF จะลงลึกถึงชั้น dermis เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างหรือการเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนและอีลาสติน
ใครเหมาะจะทำ
Emface เป็นนวัตกรรมเสริมความงาม ซึ่งช่วยยกกระชับใบหน้าได้ในภาพรวม ตั้งแต่หน้าผาก ร่องแก้ม หางตา และคิ้ว ช่วยให้ใบหน้ามีความคมชัด อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติจากภายในสู่ภายนอก ด้วยพลังงานที่ลงลึกถึงใต้ผิวหนัง ช่วยลดริ้วรอย โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้เข็มให้เจ็บตัว ดังนั้น Emface จึงเหมาะสำหรับบุคคลดังต่อไปนี้
- ผู้ต้องการชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า
- ผู้ต้องการยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องการผ่าตัดหรือใช้เข็มให้เจ็บตัว
- ผู้ต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
- ผู้มีปัญหากับหัตถการประเภทอื่น เช่น การฉีดฟิลเลอร์ ดื้อโบท็อกซ์
- ผู้ต้องการเสริมความงาม แต่ไม่มีเวลาสำหรับพักฟื้น
- ผู้ต้องการเห็นผลลัพธ์ในการรักษาเร็ว
แต่ทั้งนี้ ผู้ทำ Emface สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี เพราะเมื่อมีอายุ 25 ปีก็จะเริ่มมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย การทำ Emface จะช่วยชะลอวัย ทำให้ผิวยังคงเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น ส่วนผู้มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ สตรีมีครรภ์ หรือผู้มีปัญหาทางผิวหนัง ก็ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา
Emface, Ulthera และ Thermage แตกต่างกันอย่างไร
Emface, Ulthera และ Thermage ล้วนแต่เป็นนวัตกรรมเสริมความงามด้วยคลื่นพลังงานเหมือนกัน แต่มีรายละเอียดและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน สามารถสรุปได้ ดังนี้
- พลังงานที่ใช้
- Emface: คลื่นพลังงาน 2 ประเภท คือ HIFES และ Synchronized RF
- Ulthera: คลื่นเสียง Focus Ultrasound
- Thermage: คลื่นความถี่วิทยุ Radiofrequency
- ลงลึกถึงชั้นผิว
- Emface: ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ Zygomaticus major, Zygomaticus minor และ Risorius
- Ulthera: ลงลึกถึงชั้น SMAS โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับความลึก คือ 1.5 / 3.0 / 4.5 มิลลิเมตร
- Thermage: ลงลึกทุกชั้นผิว โดยเน้นชั้นไขมัน
- ผู้เหมาะสม
- Emface: ผู้มีปัญหาความหย่อนคล้อย ริ้วรอยบนใบหน้า โดยอาจจะมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
- Ulthera: ผู้มีปัญหาริ้วรอย ผิวหนังหย่อนคล้อย อายุตั้งแต่ 30 - 45 ปีขึ้นไป
- Thermage: ผู้มีปัญหาไขมันบนใบหน้ามาก หนังตาตก คิ้วตก รวมถึงเหนียงเยอะ
- จุดเด่น
- Emface: ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวหน้าเฟิร์ม ใบหน้ามีกรอบชัดเจน
- Ulthera: ช่วยยกกระชับอย่างแม่นยำเฉพาะจุด เสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวหนัง
- Thermage: เน้นลดไขมันบริเวณแก้มหรือเหนียง ทำให้ผิวยกกระชับ ใบหน้ามีมิติ รูปหน้าเล็กลง
- ผลลัพธ์หลังการรักษา
- Emface: ทำให้ผิวหน้ายกกระชับ มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนใน 1 เดือน
- Ulthera: ช่วยยกคิ้วและหางตา ทำให้กรอบหน้าดูเล็กลง ยกกระชับใบหน้า ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 1 ปี
- Thermage: ลดไขมัน ลดเหนียง ทำให้ผิวยกกระชับ ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 1 - 2 ปี
Emface อันตรายหรือไม่ มีผลข้างเคียงใดบ้าง?
Emface เป็นนวัตกรรมเสริมความงามที่ใช้พลังงานเป็นหลักอย่าง HIFES และ Synchronized RF ซึ่งกระตุ้นใบหน้าเฉพาะจุด จึงมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก FDA สหรัฐอเมริกา เพราะผลิตโดยบริษัท BTL aesthetics ผู้มีประสบการณ์ด้าน Electromagnetic energy มามากกว่า 20 ปี ทำให้สามารถทำ Emface เพื่อยกกระชับใบหน้าได้อย่างมั่นใจ
ส่วนผลข้างเคียงของ Emface อาจจะเกิดจากความกังวล ด้วยมีอาการปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย ผิวเปลี่ยนเป็นสีชมพูถึงแดงเล็กน้อยจากการทำ แต่โอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก อีกทั้งยังเป็นอาการชั่วคราวประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง ถึง 1 วัน
แนวทางการดูแลตนเองหลังทำ Emface
หลังทำ Emface แล้ว ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ แต่ Emface มีความพิเศษ คือ เป็นการใช้คลื่นพลังงานในการรักษาด้วยอุณหภูมิประมาณ 40 - 42 องศาเซลเซียส โดยคลื่นพลังงานเหล่านี้ลงลึกถึงใต้ผิวหนัง เป็นการรักษาจากภายใน จึงมีความปลอดภัยสูง โอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย อีกทั้งยังเห็นผลลัพธ์ไวใน 1 เดือน
- สามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติทันที
- ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
- หากมีอาการผิดปกติ ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อประเมินอาการทันที
- เข้ารับการทำ Emface เพื่อยกกระชับใบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
สรุปเกี่ยวกับ Emface
Emface เป็นเทคโนโลยีเสริมความงามที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการผสานคลื่นพลังงานในเทคโนโลยีเดียว ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ลดความหย่อนคล้อย ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติจากภายใน อีกทั้งยังมีการรับรองความปลอดภัยจาก FDA สหรัฐอเมริกา ทำให้เสริมความงามได้อย่างมั่นใจ เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้เข็มหรือยาชา และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทันที