การตั้งจังหวัดใหม่ กระทําได้โดย กฎหมาย
ประเทศไทยในปัจจุบันมีจำนวนจังหวัดทั้งสิ้น 77 จังหวัด โดยแบ่งออกเป็น 5 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยภาคเหนือมีจำนวนจังหวัดมากที่สุด คือ 20 จังหวัด รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 18 จังหวัด ภาคตะวันออก 17 จังหวัด และภาคใต้ 13 จังหวัด
การตั้งจังหวัดใหม่นั้น สามารถทำได้โดยกฎหมาย โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 175 บัญญัติให้ "การตั้งจังหวัดใหม่ ให้กระทำโดยพระราชบัญญัติ"
การแบ่งแยกจังหวัดขึ้นใหม่นั้น ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- เนื้อที่ของจังหวัดที่ตั้งใหม่ ควรมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 5,000 ตารางกิโลเมตร
- จำนวนอำเภอและกิ่งอำเภอในเขตการปกครอง จังหวัดที่จะแบ่งแยกจังหวัดขึ้นใหม่ ควรมีอำเภอและกิ่งอำเภอในเขตการปกครองไม่น้อยกว่า 12 อำเภอและกิ่งอำเภอ และเมื่อแยกออกไปตั้งเป็นจังหวัดใหม่แล้ว จังหวัดเดิมควรจะมีอำเภอและกิ่งอำเภอในเขตการปกครองไม่น้อยกว่า 5 อำเภอและกิ่งอำเภอ
- จังหวัดที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ สามารถจัดหาที่ดินสำหรับใช้เป็นศูนย์ราชการจังหวัด เพื่อใช้ก่อสร้างสถานที่ราชการ เช่น ศาลากลางจังหวัด กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ศาลจังหวัด และบ้านพักข้าราชการที่จำเป็น โดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน
- อำเภอที่จะเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดใหม่ ต้องมีความเจริญพอสมควรและเป็นศูนย์รวม
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ แล้ว หากพบว่าจังหวัดใดมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะแบ่งแยกเป็นจังหวัดใหม่ ก็สามารถเสนอให้มีการตราพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดใหม่ขึ้นได้
ตัวอย่างการตั้งจังหวัดใหม่
ตัวอย่างการตั้งจังหวัดใหม่ในประเทศไทย ได้แก่
- จังหวัดสกลนคร แยกจากจังหวัดอุดรธานี ในปี พ.ศ. 2469
- จังหวัดนครพนม แยกจากจังหวัดมุกดาหาร ในปี พ.ศ. 2476
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน แยกจากจังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2522
- จังหวัดสตูล แยกจากจังหวัดปัตตานี ในปี พ.ศ. 2547
ปัจจุบันมีกระแสเรียกร้องให้มีการตั้งจังหวัดใหม่ในหลายพื้นที่ เช่น ภาคเหนือ เช่น จังหวัดลำปาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จังหวัดชัยภูมิ ภาคกลาง เช่น จังหวัดกาญจนบุรี และภาคตะวันออก เช่น จังหวัดระยอง
อย่างไรก็ตาม การตั้งจังหวัดใหม่นั้น จะต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่