รัฐบาลเตรียมดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย..ดึง "ลิซ่า" เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

              รัฐบาลเตรียมผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยออกไปสู่ตลาดโลก โดยเล็งดึง "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" หรือ "ลิซ่า BLACKPINK" มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้อีกด้วย

              เมื่อวันที่ 28 ธค.66 ที่ผ่านมา ทางด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้เปิดเผยว่า ทางรัฐบาลเตรียมที่จะผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยออกไปสู่ตลาดโลกในหลายๆ สาขา แต่สาขาที่โดดเด่นเป็นพิเศษ และเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดก็คือ สาขาดนตรี ซึ่งประเทศไทยก็มีผู้ที่มีความรู้ด้านดนตรีมากมาย และเป็นไอดอลในด้านดนตรีให้กับใครหลายๆ คนได้ อาทิเช่น ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หนึ่งในสมาชิก BLACKPINK วงเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติเกาหลีใต้ เชื่อเลยว่า ประเทศไทยก็ยังมีคนแบบนี้อีกเยอะ สะท้อนได้จากมีไอดอลในเกาหลีใต้ที่เป็นคนไทยอีกหลายคน ซึ่งหากรัฐบาลพร้อมที่จะเริ่มต้น คาดว่าทางภาคเอกชนก็พร้อมลุยด้วย ตนได้หารือร่วมกับภาคเอกชนบางกลุ่มแล้วว่า จะผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีนั้นให้ออกไปสู่ตลาดโลกมากยิ่งขึ้น และวางแผนที่จะประชาสัมพันธ์ซอฟต์เพาเวอร์ไทย โดยผ่านการมีแบรนด์แอมบาสเดอร์ ซึ่งเบื้องต้นก็คาดว่าน่าจะเป็น “ลิซ่า” ด้วย

              นพ.สุรพงษ์ ได้กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก และทำการปลดล็อกกฎหมายบางอย่าง หรือระเบียบราชการที่มันล้าสมัย และก็ใส่งบประมาณลงไป เปรียบเทียบเหมือนกับเราโยนก้อนหินลงไปในน้ำ จะเกิดคลื่นขนาดใหญ่ขยายขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าภาคเอกชนไทยนั้นมีเม็ดเงินจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมายังไม่มีความมั่นใจ เลยทำให้ไม่มีใครกล้ากระโดดเข้ามาทำการต่อยอดซอฟต์เพาเวอร์ของไทยอย่างจริงจัง เนื่องจากไม่รู้ว่า ควรจะร่วมกันส่งเสริมต่อไปได้อย่างไร อาทิเช่น สายงานภาพยนตร์ ประเทศไทยก็เคยมียุคทองของหนังที่รุ่งเรืองมาแล้ว และตอนนี้ก็เริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างกลับมาแล้ว สะท้อนได้จากหนังไทยที่ทำรายได้มหาศาล อย่างสัปเหร่อ ที่รายได้ทะลุ 720 ล้านบาทไปแล้ว ซึ่งภาพยนตร์ก็จะเป็นพาหนะในการนำพาซอฟต์เพาเวอร์อื่นๆ ตามไปด้วย อาทิ อาหารไทย มวยไทย เป็นต้น

              “โครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ เรื่องคนเป็นส่วนสำคัญที่สุดของซอฟต์เพาเวอร์ เพราะหากผลักดันให้คนในครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งเป็นนักรบซอฟต์เพาเวอร์ได้ จะทำให้ซอฟต์เพาเวอร์ของไทยมีพลังมาก เปรียบเทียบกับฮาร์ดเพาเวอร์ หรือการใช้อำนาจทางทหาร ที่ประเทศใดมีกำลังพลจำนวนมาก ประเทศนั้นก็จะเป็นประเทศมหาอำนาจ ทำให้หากไทยเป็นประเทศที่มีบุคคลที่เป็นซอฟต์เพาเวอร์จำนวนมาก แม้ไม่ได้เป็นขุนพลได้ทุกคน เป็นขุนพลระดับสุดยอด 1-2 แสนคน ระดับแม่ทัพนายกอง 2-3 ล้านคน นักรบทะลวงฟันอีก 18 ล้านคน ก็จะเป็นนักรบซอฟต์เพาเวอร์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากแล้ว

              กระบวนการทำงานตามแผนซอฟต์เพาเวอร์ ประเมินว่า ชาวบ้านเข้าใจ แต่อาจไม่ได้เข้าใจทั้งหมด จะเข้าใจเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หรือมีความสนใจเท่านั้น จึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำให้ดู และทำให้สำเร็จด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะมีเสียงสะท้อนออกมาว่า ไม่เป็นไปตามที่พูด ถือเป็นภาระของเราที่ต้องทำให้เต็มที่” นพ.สุรพงษ์ กล่าว