ตายทั้งเป็น! ม.6 ถูกสาดน้ำกรด เสียโฉม หูขาด ตาหวิดบอด
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค.66 นายเจษฎาภรณ์ อายุ 21 ปี และน.ส.อังคณา อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา สวมชุดดำและไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ถือถังใส่น้ำกรดบุกเข้าไปสาดใส่ น.ส.ณัฐติกานต์ ไขรัมย์ หรือน้องอั้ม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ขณะนั่งกินข้าวอยู่กับยายและน้าชาย ภายในร้านอาหารตามสั่ง
น้องอั้มโดนน้ำกรดทั้งที่ใบหน้า ดวงตา หน้าอก ไหลอาบลำตัวสภาพผิวหนังไหม้ เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย ส่วนยายและน้าชายที่นั่งกินข้าวด้วยกันก็โดนน้ำกรดกระเด็นใส่ มีรอยไหม้ตามใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขน และขา แต่ไม่สาหัส
สาเหตุที่น้องอั้มโดนน้ำกรด
แฟนใหม่ของแฟนเก่าน้องอั้ม ไม่พอใจที่น้องอั้มแจ้งความเรื่องทำโทรศัพท์มือถือเสียหาย จนหญิงคนดังกล่าวต้องยอมชดใช้ค่าเสียหายให้
วันที่ 24 ธ.ค. 2566 น.ส.จิราวรรณ ชะเกตุรัมย์ อายุ 42 ปี แม่น้องอั้ม ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากลูกสาวที่ถูกสาดน้ำกรดต้องนอนรักษาตัวที่ รพ.บุรีรัมย์ นานเกือบ 4 เดือน แม้ว่าหมอจะอนุญาตให้กลับมาดูแลรักษาตัวต่อที่บ้านได้ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้องไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ
ใบหน้าของน้องเสียโฉม หูซ้ายขาด ตาซ้ายเกือบบอดมองเห็นไม่ชัด แผ่นหลัง หน้าอก แขน ขามีรอยแผลเป็นคล้ายไฟไหม้เกือบทั้งตัว สภาพเหมือนตายทั้งเป็น โดยเฉพาะดวงตา แม่ต้องคอยหยอดตาทำความสะอาดให้ทุกวัน ส่วนแผลบริเวณอื่นยังต้องไปตรวจรักษาที่ รพ.ตามนัดตลอด ที่น่าเป็นห่วงคือสภาพจิตใจของน้อง ทั้งยายและแม่ต้องคอยปลอบให้กำลังใจและอยู่ดูแลน้องอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวน้องจะรับไม่ได้จนไม่อยากมีชีวิตอยู่
น้องอั้ม กล่าวว่า ทั้งสภาพร่างกายและสภาพจิตใจย่ำแย่ ไปเรียนก็ไม่ได้กลัวจะจบไม่ทันเพื่อน เหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว อยากจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น วิงวอนให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือพาไปศัลยกรรมใบหน้าให้สามารถออกไปใช้ชีวิตได้เหมือนคนอื่น
คดีนี้พนักงานอัยการจังหวัด เป็นโจทย์ยื่นฟ้องต่อศาล ในข้อกล่าวหา “พยายามฆ่า” จากที่ตอนแรกพนักงานสอบสวนแจ้งเพียงข้อหา “ทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส” แต่อัยการเห็นว่าพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองทำด้วยการนำน้ำกรดถึง 2 ถังไปสาดใส่น้อง อาจทำให้ได้รับอันตรายแก่ชีวิต จึงให้สอบเพิ่มเติมและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ขณะนี้จำเลยทั้งสองจะให้การปฏิเสธในชั้นของการคุ้มครองสิทธิ