รถยนต์ไฟฟ้า EV เสียภาษีปีละเท่าไหร่ เช็กเลย!!!
รถยนต์ไฟฟ้า EV คิดภาษีประจำปี อ้างอิงตามน้ำหนักรถ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
1. รถยนต์ไฟฟ้า EV ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน
- น้ำหนัก ไม่เกิน 500 กก. ต้องเสียภาษี 30 บาท
- น้ำหนัก 501 – 750 กก. ต้องเสียภาษี 60 บาท
- น้ำหนัก 751 – 1,000 กก. ต้องเสียภาษี 90 บาท
- น้ำหนัก 1,001 – 1,250 กก. ต้องเสียภาษี 160 บาท
- น้ำหนัก 1,251 – 1,500 กก. ต้องเสียภาษี 200 บาท
- น้ำหนัก 1,501 – 1,750 กก. ต้องเสียภาษี 260 บาท
- น้ำหนัก 1,751 – 2,000 กก. ต้องเสียภาษี 330 บาท
- น้ำหนัก 2,001 – 2,500 กก. ต้องเสียภาษี 380 บาท
- น้ำหนัก 2,501 – 3,000 กก. ต้องเสียภาษี 440 บาท
- น้ำหนัก 3,001 – 3,500 กก. ต้องเสียภาษี 480 บาท
- น้ำหนัก 3,501 – 4,000 กก. ต้องเสียภาษี 520 บาท
- น้ำหนัก 4,001 – 4,500 กก. ต้องเสียภาษี 560 บาท
- น้ำหนัก 4,501 – 5,000 กก. ต้องเสียภาษี 600 บาท
- น้ำหนัก 5,001 – 6,000 กก. ต้องเสียภาษี 640 บาท
- น้ำหนัก 6,001 – 7,000 กก. ต้องเสียภาษี 680 บาท
- น้ำหนัก 7,001 ขึ้นไป กก. ต้องเสียภาษี 720 บาท
2. รถยนต์ไฟฟ้า EV ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เกิน 7 คน
- น้ำหนัก ไม่เกิน 500 กก. ต้องเสียภาษี 15 บาท
- น้ำหนัก 501 – 750 กก. ต้องเสียภาษี 30 บาท
- น้ำหนัก 751 – 1,000 กก. ต้องเสียภาษี 45 บาท
- น้ำหนัก 1,001 – 1,250 กก. ต้องเสียภาษี 80 บาท
- น้ำหนัก 1,251 – 1,500 กก. ต้องเสียภาษี 100 บาท
- น้ำหนัก 1,501 – 1,750 กก. ต้องเสียภาษี 130 บาท
- น้ำหนัก 1,751 – 2,000 กก. ต้องเสียภาษี 160 บาท
- น้ำหนัก 2,001 – 2,500 กก. ต้องเสียภาษี 190 บาท
- น้ำหนัก 2,501 – 3,000 กก. ต้องเสียภาษี 220 บาท
- น้ำหนัก 3,001 – 3,500 กก. ต้องเสียภาษี 240 บาท
- น้ำหนัก 3,501 – 4,000 กก. ต้องเสียภาษี 260 บาท
- น้ำหนัก 4,001 – 4,500 กก. ต้องเสียภาษี 280 บาท
- น้ำหนัก 4,501 – 5,000 กก. ต้องเสียภาษี 300 บาท
- น้ำหนัก 5,001 – 6,000 กก. ต้องเสียภาษี 320 บาท
- น้ำหนัก 6,001 – 7,000 กก. ต้องเสียภาษี 340 บาท
- น้ำหนัก 7,001 ขึ้นไป กก. ต้องเสียภาษี 360 บาท
3. รถไฟฟ้าประเภทอื่น อาทิ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า, รถบดถนน, รถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ต้องเสียภาษี 10 บาท
- รถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องเสียภาษี 10 บาท
- รถบดถนน คันละ 200 บาท
- รถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร คันละ 50 บาท
จากที่ประชุม ครม. เห็นชอบให้ ลดอัตราภาษีประจำปีลง 80% ของอัตราที่กำหนดตามกฎหมายเป็นระยะเวลา 1 ปี สำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึง 30 กันยายน 2568 นับแต่วันที่จดทะเบียน
- การจดทะเบียน รถยนต์ไฟฟ้า EV ต้องเตรียมเอกสาร ดังนี้
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ
- หนังสือแจ้งจำหน่ายจากบริษัทผู้ผลิต
- หลักฐานการได้มาของรถ ได้แก่ สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าซื้อ ใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี
- หลักฐานการประกันภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535
- แบบคำขอจดทะเบียนรถรวมทั้งหนังสือมอบอำนาจ (กรณีที่ให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
- นำรถเข้ารับการตรวจสภาพเพื่อความถูกต้อง
- หากเปรียบเทียบอัตราภาษีของ รถยนต์ไฟฟ้า EV และ รถยนต์ปกติที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว พบว่า รถยนต์ไฟฟ้า EV มีอัตราภาษีถูกกว่า
เปรียบเทียบความคุ้มค่าของ รถยนต์ไฟฟ้า EV และ รถยนต์ปกติที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
นอกจากอัตราภาษีแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาในการเปรียบเทียบความคุ้มค่าของ รถยนต์ไฟฟ้า EV และ รถยนต์ปกติที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เช่น
- ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา รถยนต์ไฟฟ้า EV มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่ารถยนต์ปกติที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากมีชิ้นส่วนน้อยกว่า
- ค่าเชื้อเพลิง รถยนต์ไฟฟ้า EV วิ่งได้ไกลกว่ารถยนต์ปกติที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเท่าๆ กันโดยใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่า
- ค่าซ่อมแซม รถยนต์ไฟฟ้า EV มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่ารถยนต์ปกติที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์
โดยสรุปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้า EV ถือว่ามีความคุ้มค่ามากกว่ารถยนต์ปกติที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในระยะยาว เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและค่าเชื้อเพลิงที่ต่ำกว่า