นับราศีแบบไทย รู้ราศีตัวเองอย่างไร
นับราศีแบบไทย เป็นการนับราศีตามกลุ่มดาวบนท้องฟ้า โดยอ้างอิงจากช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์โคจรผ่านกลุ่มดาวแต่ละกลุ่ม ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน หรือ 1 เดือน โดยราศีแรกจะเริ่มที่ราศีเมษ และเรียงตามลำดับดังนี้
- ราศีเมษ (13 เมษายน - 14 พฤษภาคม)
- ราศีพฤษภ (15 พฤษภาคม - 14 มิถุนายน)
- ราศีเมถุน (15 มิถุนายน - 16 กรกฎาคม)
- ราศีกรกฎ (17 กรกฎาคม - 16 สิงหาคม)
- ราศีสิงห์ (17 สิงหาคม - 16 กันยายน)
- ราศีกันย์ (17 กันยายน - 16 ตุลาคม)
- ราศีตุลย์ (17 ตุลาคม - 15 พฤศจิกายน)
- ราศีพิจิก (16 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม)
- ราศีธนู (16 ธันวาคม - 14 มกราคม)
- ราศีมังกร (15 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์)
- ราศีกุมภ์ (13 กุมภาพันธ์ - 11 มีนาคม)
- ราศีมีน (12 มีนาคม - 12 เมษายน)
ตัวอย่างการนับราศีแบบไทย
- คนที่เกิดวันที่ 10 พฤษภาคม จะอยู่ในช่วงราศีเมถุน
- คนที่เกิดวันที่ 20 สิงหาคม จะอยู่ในช่วงราศีสิงห์
- คนที่เกิดวันที่ 30 กันยายน จะอยู่ในช่วงราศีกันย์
ความแตกต่างระหว่างการนับราศีแบบไทยและแบบสากล
การนับราศีแบบไทยและแบบสากลมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยแบบไทยจะนับราศีจากกลางเดือนของราศีนั้น ในขณะที่แบบสากลจะนับราศีจากวันที่ 1 ของราศีนั้น
ตัวอย่างความแตกต่างระหว่างการนับราศีแบบไทยและแบบสากล
- คนที่เกิดวันที่ 20 กรกฎาคม จะถูกนับเป็นราศีกรกฎตามแบบไทย แต่จะถูกนับเป็นราศีสิงห์ตามแบบสากล
- คนที่เกิดวันที่ 20 พฤศจิกายน จะถูกนับเป็นราศีตุลย์ตามแบบไทย แต่จะถูกนับเป็นราศีพิจิกตามแบบสากล
การนับราศีแบบไทยมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเชื่อกันว่าราศีแต่ละราศีมีอิทธิพลต่อนิสัย บุคลิกภาพ และโชคชะตาของคนที่เกิดในแต่ละราศี ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายที่สนใจศึกษาเรื่องราศีและนำเอาไปใช้ในการทำนายดวงชะตา
ประโยชน์ของการนับราศีแบบไทย
การนับราศีแบบไทยมีประโยชน์ดังนี้
- ช่วยให้เรารู้จักนิสัย บุคลิกภาพ และโชคชะตาของตัวเอง
- ช่วยให้เราเข้าใจผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยให้เราวางแผนชีวิตได้อย่างเหมาะสม
สรุป
การนับราศีแบบไทยเป็นการนับราศีตามกลุ่มดาวบนท้องฟ้า โดยอ้างอิงจากช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์โคจรผ่านกลุ่มดาวแต่ละกลุ่ม ซึ่งสามารถช่วยให้เรารู้จักนิสัย บุคลิกภาพ และโชคชะตาของตัวเองได้