หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ยาแก้แพ้แบบทำให้ง่วงและไม่ทำให้ง่วง ต่างกันอย่างไร ?

โพสท์โดย buay1975

ขอบคุณภาพ snook.com

ยาแก้แพ้เป็นยาสามัญประจำบ้านที่หลายคนใช้บรรเทาอาการแพ้ต่างๆ เช่น น้ำมูกไหล จาม คันจมูก คันตา ผื่นคันตามผิวหนัง เป็นต้น ยาแก้แพ้มีด้วยกันหลายชนิด แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • ยาแก้แพ้รุ่นที่ 1 (first generation antihistamines) เช่น Chlorpheniramine, Diphenhydramine, Brompheniramine เป็นต้น
  • ยาแก้แพ้รุ่นที่ 2 (second generation antihistamines) เช่น Cetirizine, Loratadine, Fexofenadine เป็นต้น

ยาแก้แพ้ทั้งสองกลุ่มออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของฮีสตามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดอาการแพ้ แต่ยาแก้แพ้ทั้งสองกลุ่มมีกลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน

ยาแก้แพ้รุ่นที่ 1

ยาแก้แพ้รุ่นที่ 1 ออกฤทธิ์เร็ว แต่ออกฤทธิ์สั้น ทำให้ง่วงซึมได้ง่าย เนื่องจากยากลุ่มนี้สามารถผ่านเข้าสู่สมองและจับกับตัวรับฮีสตามีนในสมองได้ ตัวอย่างยาแก้แพ้รุ่นที่ 1 ได้แก่

  • Chlorpheniramine
  • Diphenhydramine
  • Brompheniramine

ยาแก้แพ้รุ่นที่ 2

ยาแก้แพ้รุ่นที่ 2 ออกฤทธิ์ช้ากว่ายาแก้แพ้รุ่นที่ 1 แต่ออกฤทธิ์นานกว่า ทำให้ไม่ง่วงซึมหรือง่วงซึมน้อยกว่า เนื่องจากยากลุ่มนี้ไม่สามารถผ่านเข้าสู่สมองหรือจับกับตัวรับฮีสตามีนในสมองได้ ตัวอย่างยาแก้แพ้รุ่นที่ 2 ได้แก่

  • Cetirizine
  • Loratadine
  • Fexofenadine

สรุปความแตกต่างของยาแก้แพ้แบบทำให้ง่วงและไม่ทำให้ง่วง

ลักษณะยาแก้แพ้รุ่นที่ 1ยาแก้แพ้รุ่นที่ 2
กลไกการออกฤทธิ์ ยับยั้งการทำงานของฮีสตามีน ยับยั้งการทำงานของฮีสตามีน
การออกฤทธิ์ ออกฤทธิ์เร็ว ออกฤทธิ์สั้น ออกฤทธิ์ช้า ออกฤทธิ์นาน
ผลข้างเคียง ง่วงซึม ไม่ง่วงซึมหรือง่วงซึมน้อยกว่า
ตัวอย่างยา Chlorpheniramine, Diphenhydramine, Brompheniramine Cetirizine, Loratadine, Fexofenadine

ดังนั้น ผู้ที่มีอาการแพ้และต้องการหลีกเลี่ยงอาการง่วงซึม ควรเลือกรับประทานยาแก้แพ้รุ่นที่ 2

โพสท์โดย: buay1975

ที่มาของข้อมูลกระทู้มีดังนี้

* ข้อมูลจากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
* ข้อมูลจากเว็บไซต์ของสมาคมเภสัชกรรมแห่งประเทศไทย
* ข้อมูลจากเว็บไซต์ของโรงพยาบาลศิริราช
* ข้อมูลจากเว็บไซต์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เช่น

* การศึกษาในปี พ.ศ. 2563 โดยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่ายาแก้แพ้รุ่นที่ 2 ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของฮีสตามีนได้ดีกว่ายาแก้แพ้รุ่นที่ 1 และทำให้ง่วงซึมน้อยกว่า
* การศึกษาในปี พ.ศ. 2564 โดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่ายาแก้แพ้รุ่นที่ 2 ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการแพ้

ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจถึงความแตกต่างของยาแก้แพ้แบบทำให้ง่วงและไม่ทำให้ง่วง และช่วยให้สามารถเลือกใช้ยาแก้แพ้ที่เหมาะสมกับอาการแพ้และความต้องการได้อย่างเหมาะสม
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
buay1975's profile


โพสท์โดย: buay1975
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: buay1975
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568น้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่นชาวต่างด้าวข้ามฝั่งมาคลอดฟรี คนไทยเสียงแตก งานนี้ใครได้ ใครเสีย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เฮ! เงินไร่ละพันยังมาต่อเนื่อง! ชาวนารับเงินช่วยเหลือ ธ.ก.ส. กันอยู่หรือเปล่า? มาอัปเดตกันหน่อย!รีบมา! คืนนี้วันสุดท้ายแล้ว "ตำรวจตกน้ำ" ไวรัลสุดเสียวกาชาด 2567 หล่อ เปียก ฮา พุ่งกระจาย!อย่าท้าทายระบบ! "สารวัตรแจ๊ะ" เผยสาเหตุที่ต้องใส่แมสก์ และสวมหมวกตลอดเวลา
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
จริงไหมที่คำว่า ‘Salary’ มาจาก ‘Salt’ เพราะทหารโรมันรับค่าจ้างเป็นเกลือ?อยากโกอินเตอร์? เจาะลึกวิธีหางานต่างประเทศ 2567 แบบถูกกฎหมาย ได้สิทธิเต็มที่ ไม่มีโดนหลอก!ชาวต่างด้าวข้ามฝั่งมาคลอดฟรี คนไทยเสียงแตก งานนี้ใครได้ ใครเสียชั่วขณะสุดท้ายของชีวิต หากถูกประหารด้วยกิโยติน เราจะรู้สึกอย่างไร?
ตั้งกระทู้ใหม่