จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการประกวด Miss Universe 2023 ซึ่งเป็นการประกวดครั้งที่ 72 ณ สาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ โดยในปีหน้าจะจัดการประกวดขึ้นที่สหรัฐเม็กซิโก และแม้ว่าปีนี้ประเทศไทยของเราจะยังไปไม่ถึงฝันคือพิชิตมงสาม แต่คุณแอนโทเนีย โพซิ้ว Miss Universe Thailand 2023 ของเรา ก็ทำผลงานออกมาดีในทุก ๆ สเทจ

ตั้งแต่ Welcome Dinner ที่มาในชุดราตรียาวสีน้ำเงิน ซึ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นผ้าเยียระบับอินเดียลายเถาเลื้อย ปักเลื่อมทองระยับไปทั้งตัว กับเครื่องดับต่างหูงานกะไหล่ทอง สร้างตำนานผ้าหมดตลาดพาหุรัดภายในไม่ทันข้ามคืน

แม้จะอยู่ท่ามกลางสาวงามกว่า 84 ประเทศก็ยังดูโดดเด่น หรือแม้แต่แนะนำตัวบนเวทีก็ไม่จมไม่หายไม่ตายเวที

ส่วนในการประกวดรอบพรีลิมมินารี
รอบแนะนำตัว มาในชุดแซกสั้นสีม่วง

รอบชุดว่ายน้ำ เป็นชุดว่ายน้ำเมทัลลิค คุณแอนโทเนียก็ได้โชว์สเตปเดินสับ ๆ ๆ ทำเอานางงามสายลาตินมีร้อน ๆ หนาว ๆ กันเลยทีเดียว

และในรอบชุดราตรี มาในชุด Light of the universe (Ombré Embellished Tulle Gown) เป็นชุดราตรีซีทรูปักลวดลายไล่สีเงิน-โรสโกลด์ จากแบรนด์Valentier Atelier ลวดลายและเฉดสีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงของดวงดาวที่ส่องแสงวิบวับดูคล้ายกับอัญมณีล้ำค่า ที่เปล่งประกายบนฟากฟ้ายามค่ำคืน

ส่วนในวันที่ 2 ของรอบพรีลิมมินารี เป็นรอบชุดประจำชาติ คุณแอนโทเนียก็ในชุด เทวสตรีศรีอโยธยา โดยคุณกมลรส ทูลภิรมย์ ห้องเสื้อทรงเสน่ห์ผ้าลายอย่าง ในคอนเซปพระแม่ธรณีบีบมวยผม ศิลปะสมัยอยุธยา บอกเล่าความเป็นพระแม่ธรณีด้วยการบีบมวยผม เครื่องประดับที่เป็นงานลวดสอดดิ้นถักมือ ประดับหินสีและอัญมณีตามข้อมูลทางธรณีวิทยา มีรูปทรงอย่างเครื่องประดับสมัยกรุงศรีอยุธยาคือมงกุฎทรงเทริด เครื่องประดับอย่างพระพุทธรูป เทวรูปสมัย ฉลองพระองค์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และผ้าลายอย่าง ผ้าอินเดียที่พิมพ์ลายด้วยแม่พิมพ์ไม้แกะมือ ซึ่งเป็นผ้าพิมพ์ที่นิยมใช้กันในราชสำนักอยุธยาเป็นอย่างมาก จนมีการประดิษฐ์ลวดลายเป็นแบบอย่างวาดส่งไปให้ช่างที่อินเดียแกะลายแล้วพิมพ์ลงผ้าส่งกลับมา จึงเรียกว่าผ้าลายอย่าง

แว๊บแรกที่เห็นคุณแอนโทเนียปรากฏตัวบนเวทีก็ทำเแาใจหายว๊าบ นึกว่าพระแม่ธรณีในพระเวทมาประกวดเอง ด้วยลักษณะของพระแม่ธรณีที่ปรากฎอยู่ในคัมภีร์ของฮินดูนั้นท่านมีลักษณะใบหน้ารูปไข่ หน้าคม ตาและคิ้วเรียวยาว โค้งรับกัน ผิวเข้ม นิ้วมือเรียวยาว สะโพกผาย เอวคอด เป็นลักษณ์ของเทวีผู้มาด้วยเสน่ห์ของสตรีเพศ ซึ่งคุณแอนโทเนียตรงตามลักษณะทุกประการจนนึกว่าพระแม่ธรณีแทรกแผ่นดินขึ้นมาประกวดเอง

และในวันสุดท้ายนั้น คุณแอนโทเนียก็สามารถเข้ามาถึงรอบ 10 คนสุดท้าย และปรากฏตัวในชุดราตรีที่มีชื่อว่า Stars in The Universe

เป็นชุดราตรีนู้ดโทนซีทู ปักด้วยเพชรและเลื่อมเป็นแฉกประกายของดาวระยิบระยับไปทั้งตัว ทั้งเครื่องประดับก็เป็นรูปแฉกประกายดาวเข้ากับชุด รวมทั้งการเดินแบบที่สง่างามในรอบชุดราตรี 10 คนสุดท้าย ก็สามารถทำให้คุณแอนโทเนียเข้าสู่รอบ 5 คนสุดท้าย มาสู่รอบตอบคำถาม จนได้มาเป็น 3 คนสุดท้าย และได้ตำแหน่ง รองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอง

แต่นอกจากความสวยงามของรูปร่างหน้าตาและชุดราตรีที่สวมใส่ในแต่ละรอบแล้ว การที่ได้ติดตามเชียร์คุณแอนโทเนียในการประกวด Miss Universe ครั้งนี้ ทำให้รู้สึกว่าการได้กลับมาดูประกวดนางงามในรอบ 21 ปี มันคุ้มค่าเหลือเกิน เพราะการตอบคำถามในรอบ 5 คนสุดท้าย ที่คุณแอนโทเนียได้คำถามว่า

If you could speak to a room full of students about online bullying, what would you say?

สมมุติถ้าคุณมีโอกาสได้พูดกับเด็กนักเรียนในห้องเรียนเรื่อง Online bullying (การระรานกลั่นแกล้ง การให้ร้าย การด่าว่า การข่มเหงรังแก หรือการข่มขู่คุกคามผู้อื่นทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ) คุณจะพูดอะไร ซึ่งคุณแอนโทเนียก็ตอบได้ดีมากว่า

"I would say to not listen to what people have to say because in the end everyone is entitled to their own opinion ut it is up to us on how we react to it. Use our voice to stand up for what is right, and be the change that we want to see in the world by leading by example. Don't listen to the hates because it doesn't shape us, but what shapes us is how we get back up and how we move forward from that."

ฉันคงจะบอกว่า อย่าไปใส่ใจกับคำพูดของคนอื่น ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเอง แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่เราด้วยว่าเราจะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร จงใช้เสียง (พลัง) ของเราในการหยัดยืนเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้ตามที่เราต้องการด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดี อย่าได้ใส่ใจกับอคติของใคร เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะหล่อหลอมเรา สิ่งที่จะหล่อหลอมเราขึ้นมาได้คือการลุกขึ้นมา และก้าวออกไปจากอคตินั้น

ก็เรียกได้ว่าเป็นคำตอบง่าย ๆ แต่ได้ใจความ งดงาม กินใจ ประทับใจ และไม่เพียงแค่ส่งให้คุณแอนโทเนียเข้าสู่รอบสามคนสุดท้ายเท่านั้น แต่คำตอบนี้ยังเป็นเสมือน Voice of the universe ที่ส่งไปยังทุกคนบนโลกที่กำลังตกอยู่ในสถานะการณ์ Cyber Bully หรือ Online Bully ให้กล้าหยัดยืนเพื่อปกป้องตัวเอง กล้าที่จะก้าวออกมาจากอคติ ความคิด และการกระทำติดลบของผู้อื่นที่มีต่อเรา และให้หันกลับมาตระหนักถึงภัยอันตรายจาก Online Bully

ปัญหาการระรานกันทางสื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันนั้น นับวันก็ยิ่งจะทวีความรุ่นแรง ไม่ว่าจะเป็น การดูถูก ด้อยค่า บั่นทอน หรือหักหน้าใครสักคน เพราะอคติของตัวเอง เพราะความอิจฉาริษยาของตัวเองเห็นใครดีกว่าตัวเองไม่ได้

การก่อกวนคุกคาม ข่มขู่ ด้วยการส่งรูปหรือข้อความไปในกล่องข้อความ หรือการโพสต์กระทู้ลงไทม์ไลน์

การแบล็กเมล์ด้วยการเผยแพร่ความลับไม่ว่าจะข้อความ รูปภาพ วิดีโอ เพื่อสนองความสะใจของตัวเองด้วยการทำให้ผู้อื่นเสียหายหรืออับอาย

การสาดสีตีไข่ ว่าร้าย ด้วยการปั้นแต่งเรื่องราว สร้างสถานการณ์เพื่อใส่ร้าย ให้เกิดความเสื่อมเสียหรืออับอาย หรือการหลอกลวงให้หลงเชื่อแล้วหลอกไปทำในสิ่งที่ไม่ดีแล้วนำข้อมูลมาเผยแพร่

การแอบอ้าง ปลอมแปลง หรือขโมยอัตลักษณ์ ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อไปหลอกลวงบุคคลอื่น ทำให้บุคคลเหล่านั้นเข้าใจผิดแล้วตกเป็นเหยื่อ ซึ่งสร้างความเสียหายให้ทั้งทรัพย์สิน สภาพจิตใจของผู้ตกเป็นเหยื่อย ทั้งสร้างความเดือดร้อนให้แก่บุคคลที่ถูกนำไปแอบอ้าง

วิธีการรับมือก็มีตั้งแต่ ตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการไม่ตอบโต้กลับ การปล่อยวาง การมองข้าม ไม่รับรู้ เพื่อป้องกันปัญหาบานปลาย และป้องกันการรับรู้ของเราเอง

ปิดกั้นทุกช่องทางออนไลน์ และงดเจอหน้ากัน

การบอกกล่าวบุคคลใกล้ตัว โดยเฉพาะเด็ก ๆ ยิ่งควรจะต้องแจ้งผู้ปกครองให้ทราบเพื่อหาวิธีป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือพาไปแจ้งความดำเนินคดี

รายงานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ให้ทำการลบหรือปิดกั้น หรือถ้าหากร้ายแรงมาก ๆ ก็ควรแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย

และที่สำคัญ เราต้องมีสติ เข้มแข็ง อย่าทำตัวเป็นเหยื่อ แต่จงเป็นผู้เสียหายที่รวบรวมหลักฐานไปแจ้งความดำเนินคดีและรับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้น

ซึ่งในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นผู้คนมากมายทั้งบุคคลสำคัญ บุคคลสาธารณะ บุคคลในวงการบันเทิง หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป ต่างก็ได้รับผลกระทบจากปัญหา Online Bully กันอย่างถ้วนหน้า บางคนที่รับมือไม่ไหวด้วยมีปัญหาที่รุมเร้าอยู่เดิม สุขภาพร่างกายและจิตใจที่ไม่แข็งแรง ก็ทำให้พวกเขาเหล่านั้นถึงขั้นมีสภาวะซึมเศร้า บางรายก็หนักถึงขั้นทำร้ายตัวเอง หรือเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง

ถ้าใครจะพูดซ้ำเติมว่า ก็เพราะอ่อนแอเอง อ่อนไหวเอง ไม่เข้มแข็งเอง ขอให้หยุดนะคะ ในฐานะของคนที่เคยตกอยู่ในสถานะการณ์นี้มาก่อน ดิฉันต้องบอกเลยว่า ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็เจอปัญหา Online bully ได้ วันนึงที่คุณโดนกระทำบ้างคุณจะรู้ว่าในโลกนี้มันไม่มีอาวุธใดที่จะร้ายแรงได้เท่ามนุษย์ มีดที่ว่าคมก็ยังไม่คมเท่าลิ้นของมนุษย์เรา ชนวนเหตุของเรื่องใหญ่ ๆ ล้วนมาจากจุดเล็ก ๆ คือปากของมนุษย์ทั้งนั้น

ตัวดิฉันเกิดช่วงกลางยุค 90 เริ่มเป็นวัยรุ่นในยุค 2007 ซึ่งยุคนั้น Online Bully โอกาสที่มันจะเกิดขึ้นเป็นไปได้น้อยมาก โดยเฉพาะคนธรรมดาอย่างดิฉัน เห็นจะมีก็แต่เพียงการดูถูก การกลั่นแกล้ง การข่มเหงรังแกกันซึ่ง ๆ หน้า ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในโรงเรียน

แต่ถ้าหากใครคิดว่าปัญหาการกลั่นแกล้ง ข่มขู่ ข่มเหง รังแก ดูถูกกันในโรงเรียนนั้นเป็นปัญหาใหญ่แล้วล่ะก็ ดิฉันที่เคยโดนมานับครั้งไม่ถ้วน ต้องบอกเลยว่าการ Bully กันในโรงเรียน 100 ครั้ง มันยังไม่หนักหนาเท่ากับการที่โดนคนใกล้ตัวดูถูก บั่นทอน คุกคาม ปั้นแต่งเรื่องราวสร้างสถานการณ์มาใส่ความให้ได้รับความเดือดร้อน เพียงครั้งเดียว เพราะไม่ว่าจะครูหรือเพื่อนในโรงเรียน เวลาเราถูกกระทำ มันจะรู้สึกอยู่แค่พักเดียว เพราะอย่างไรเขาเหล่านั้นก็เป็นคนอื่น เป็นคนนอก เจอกันก็ต้องจากกัน ความสนใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจมันจึงมีน้อยกว่าบุคคลใกล้ชิด แต่สำหรับบุคคลใกล้ชิด บุคคลที่เรานับถือ บุคคลที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราย่อมให้ความไว้เนื้อเชื่อใจโดยไม่มีข้อกังขา แต่หลายครั้งเราเองก็โดนคนเหล่านี้นี่แหละ Bully หนักกว่าคนนอก เพราะรู้จักกัน ใกล้ชิด สนิทกัน จนบางทีก็ลืมที่จะให้เกลียดกัน และคิดว่าจะพูดหรือจะทำอย่างไรก็ได้

ดิฉันซึ่งเคยโดนบุคคลที่ให้เคารพนับถือดูถูก บั่นทอน ด้วยเรื่องรูปร่างหน้าตา ที่เขามองว่ามันขัดกับสิ่งที่ดิฉันรัก โดยที่ไม่ได้มองที่ความสามารถของดิฉันเลยแม้แต่น้อย หน้าตารูปร่างแบบนี้เหรอจะไปเรียนรำ มันยังคงฝังใจดิฉันมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ดิฉันเคยโดนดูถูกเรื่องรูปร่างหน้าตา ทักษะความสามารถที่มันไม่เหมือนคนอื่น ไม่มีอยู่หลักสูตรแกนกลางของระบบการศึกษา แต่เพราะนั่นเป็นคำพูดของคนอื่น เป็นคำพูดของครู ของเพื่อนร่วมชั้น ดิฉันจึงไม่ใส่ใจ แต่พอมันมาเป็นคำพูดของคนใกล้ตัว ยิ่งเป็นคนที่ดิฉันให้ความไว้วางใจ เคารพนับถือ คิดว่าเขาน่าจะให้คำแนะนำที่ดีได้ เพราะเห็นว่าผ่านโลกมาก่อน แต่กลับมาดูถูกและบั่นทอนดิฉันขนาดนี้ ตั้งแต่วันนั้นระยะห่างของดิฉันกับเขาคือคนที่เคยรู้จักกัน เจอก็ทักทายพอเป็นพิธี ไม่สนิทใจร่วมโต๊ะหรือสนทนาด้วย

ซึ่งวิธีการรับมือของดิฉันก็เหมือนที่คุณแอนโทเนียตอบคำถามนั่นแหละค่ะ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้ มันขึ้นอยู่ที่เราจะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร คำดูถูก อคติ มันไม่ใช่แรงผลักดัน หลายครั้งที่ดิฉันได้ยินว่า เก็บคำดูถูกมาเป็นแรงผลักดัน ดิฉันต้องบอกเลยนะคะว่าไม่ควร อคติ คำดูถูก หรือการกลั่นแกล้ง มันคือขยะ ที่เดียวที่ขยะควรอยู่คือถังขยะ ไม่ใช่ในใจเรา

ขยะมันคือของเสีย การที่เราเอาของเสียมาเป็นพลังงานผลักดันตัวเอง ผลลัพธ์มันออกมาไม่ดีหรอกค่ะ อย่างน้อย ๆ เวลาเราอยากเอาชนะคำสบประมาท อยากเอาชนะคำดูถูก จิตใจเราก็จะหมกมุ่นอยู่กับคำดูถูกนั้น ไม่ต่างจากการเกลือกกลั้วอยู่บนกองขยะ เราจะไม่มีสตินึกคิด เราจะไม่มีสมาธิ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามันอาจจะเร็ว แต่มันไม่สมบูรณ์ เพราะเราจ้องแต่จะเอาชนะ อยากทำให้สะใจจะได้หายแค้น

เราควรเอาชนะการ Bully เหล่านั้น ด้วยความรักและการให้เกียรติตัวเอง เป็น อย่างที่เราอยากเป็น ทำ อย่างที่เราอยากทำ ถ้าสิ่งที่เราอยากเป็นหรืออยากทำ มันไม่ได้ไปสร้างความเดือนเนื้อร้อนใจให้ใคร ก็ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของใคร การกระทำใด ๆ ด้วยความรัก ความสุข ซึ่งมันเป็นพลังงานสะอาด เราจะมีสติ พร้อมที่จะรับมือกับทุก ๆ อย่าง

ลิ้นคนมันตัดคอคนได้ก็จริงนะคะ แต่เราก็เป็นคน การปกป้องตัวเอง การชื่นชม การมอบความรัก การให้เกียรติตัวเราเอง มันจะเป็นเกาะป้องกันเราจากการกระทำแย่ ๆ เหล่านั้น แล้วเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของ Online Bully